รพี ชำนาญเรือ พี่ชายคนสนิท น้องก้อย เปิดคลิปเสียงสนทนากับน้องสะใภ้ แอม ไซยาไนด์ หลังได้ข้อมูลมาจากเพจวินวิน ว่าพบพัสดุถูกส่งมาจาก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
เวลา 10.30 น. วันที่ 12 พ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายรพี ชำนาญเรือ พี่ชายคนสนิทของน้องก้อย เหยื่อ "แอม ไซยาไนด์" ที่ติดต่อประสานงานหาหลักฐานในคดี พร้อมกับอธิบายกรณีมูลนิธิวินวินได้หลักฐาชิ้นสำคัญเป็นพัสดุที่ส่งมาจาก อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จากการโทรศัพท์ไปตามหมายเลขที่พบ เป็นเบอร์โทรของน้องสะใภ้แอม ชื่อ น.ส.ชนัญญา ฉิมมะ เป็นคนที่แอมใช้ให้ไปส่งพัสดุ พร้อมเปิดคลิปเสียงการสนทนาที่บันทึกไว้
น้องสะใภ้แอมพูด "จำวันส่งพัสดุไม่ได้จริงๆ แต่วันนั้นน่าจะเป็นวันที่เขา (แอม) มาเอารถยืมไปใช้ เขายืมรถที่บ้านไปรถวีโก้ไปใช้ เขาบอกว่าไม่มีรถใช้ ตอนนี้หนูอยู่บ้านพ่อแม่ของพี่แอมนั่นแหละตรงท่ามะกา..คือวันนั้นหนูหลับเพราะไม่สบาย พอตื่นมาช่วงเย็นก็ไปเดินออกแรงไม่อยากนอนเยอะ หนูก็เดินไปเล่นหลังบ้านและก็ไปเจอเขาก็เรียก เขาบอกบีมเอาพัสดุไปส่งให้พี่หน่อย เป็นเอกสารไม่มีอะไรหรอก เขาไม่ได้เอาบัตรประชาชนมา ตอนนั้นมันก็มีข่าวเรื่องนั้นแล้วไง แล้วหนูก็ไม่กล้าถามอะไรใช่ไหม หนูก็เลยบอกว่าพี่แต่ว่าหนูไม่เคยส่งพัสดุนะ ส่งไม่เป็น เขาก็บอกว่าทำอะไรบ้าง หนูก็โอเคเดี๋ยวไปส่งให้ก็ได้ หนูก็เลยแต่งตัวขี่รถไปส่งให้เขา ส่งที่แถวๆ ตีนสะพานแสนตอที่ท่าเรือ"
ส่วนเรื่องที่ถูกเรียกสอบปากคำ น.ส.ชนัญญ กล่าวว่า "คุยกับตำรวจได้ คือหนูไม่รู้จริงๆ ว่าข้างในมันเป็นอะไร เขาบอกว่าเป็นเอกสารหนูก็จับดูมันก็เบาๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร วันนั้นหนูก็พูดกับแฟนอยู่ว่าเขาให้ส่งอะไรไม่รู้หนูก็กลัว ตอนนี้ยังไม่สะดวกเรื่องไปให้การ แฟนหนูก็น่าจะได้หมายเหมือนกันก็กะว่าจะไปพร้อมแฟน"
...
ด้านนายรพี ชำนาญเรือ กล่าวว่า "ในกล่องพัสดุมีชื่อผู้ส่ง และมีเบอร์โทรศัพท์ ผมก็โทร. ติดต่อไปที่ผู้ส่ง ทราบว่าคนนี้เป็นน้องสะใภ้ของแอมที่อยู่ที่บ้านเดียวกับพ่อกับแม่ของแอม ก็เลยถามรายละเอียดและบอกว่าทำยังไงถึงจะให้น้องเขาไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ เพื่อเป็นประโยชน์กับรูปคดี จากการพูดคุยเขาก็ให้ความร่วมมือดี แล้วผมก็เชื่อว่าเขาอาจจะไม่รู้ว่าของที่อยู่ข้างในมันเป็นอะไร เพราะว่ามันมีการแพ็กมาเรียบร้อยก็มีหน้าที่ไปส่งอย่างเดียว ตามที่ปรากฏตามสื่อ โดยมีการโทร. คุยกับผมเบื้องต้น เขาก็ให้ความร่วมมือดี
นายรพี กล่าวอีกว่า "เมื่อวานทางเพจวินวินได้รับการประสานงานจากคนที่รับของ ของน้องก้อย ซึ่งเปิดออกดูเจอกระเป๋าแบรนด์หลุยส์ และเจอโทรศัพท์ออปโป้หนึ่งเครื่อง แต่สิ่งที่ยังหาไม่เจอก็เป็นกระเป๋าแม็คและโทรศัพท์ไอโฟน ซึ่งผมเชื่อว่ายังไงแอมรู้แน่นอน ว่าของสองสิ่งที่ยังหาไม่เจอนี้อยู่ที่ไหน เพราะว่าจากการพูดคุยตั้งแต่วันที่ 16 ตอนเย็น จนมาถึงวันที่ 17 ที่แอมได้โกหกผมว่าได้มีการนำของต่างๆ ของก้อย ไปทิ้งไว้ที่หน้าแฟลตตำรวจ ซึ่งผมได้ตามไปยังที่ทิ้งขยะที่ท่าม่วง เดี๋ยวจะมีคลิปวิดีโอให้ ซึ่งก็ไม่เจอ และทางบ่อขยะเขาก็ได้ช่วยค้นหาก็ไม่เจอ ผมเก็บไว้ในใจตลอดว่าสักวันหนึ่งของชิ้นนี้จะต้องปรากฏออกมา หลังจากนี้แล้วผมเชื่อว่าสังคมและประชาชน ได้รู้ละว่าความชัดเจนของคดีนี้เกิดขึ้นจากแรงจูงใจอะไร ชนวนเหตุคืออะไร และผมเชื่อว่าทางท่าน พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ท่านรอง ผบ.ตร. ก็มีข้อมูลตรงนี้เพิ่มในเรื่องของการไปทำคดีเพื่อที่จะให้แน่นขึ้นอีก"
ในตอนท้าย นายรพีกล่าวว่า "หากใครพบโทรศัพท์ไอโฟนต้องสงสัยกับกระเป๋าแม็คสีดำ ให้รีบแจ้งทางผมก็ได้ทางสื่อมวลชนก็ได้ และถ้าเจออย่าเพิ่งไปหยิบจับอะไรโปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ทำการตรวจสอบ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เอากองพิสูจน์หลักฐานไปเก็บลายนิ้วมือ.. ผมมีภารกิจบางอย่างที่จะต้องขึ้นไปที่กรุงเทพฯ แต่ก็ขอยังไม่เปิดเผย แต่อยากจะได้ข้อมูลจากปากคนที่เขาไปพบของ เวลามีอะไรแบบนี้ผมต้องเดินทางไปเอง และก็ไปดูด้วยตาไปฟังด้วยหูตัวเองเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง"