แอม ไซยาไนด์ ยังไม่ยอมรับสารภาพ ยังไม่สำนึกผิด ไม่ยอมให้การ แม้บิ๊กโจ๊ก พร้อมผบช.ภ.7 และรองอ๊อฟ อดีตสามีเข้าไปช่วยกันเกลี้ยกล่อมถึงเรือนจำ เรียกร้องขอพบญาติ ซึ่งจะให้ไปพบในวันพรุ่งนี้ หวังให้จิตใจดีขึ้นและรู้สึกผิดชอบชั่วดี เผยทนายสาวซึ่งเป็นเพื่อนกัน เรียกค่าว่าความคดีละ 1.5 แสนบาท 

เวลา 17.30 น. วันที่ 4 พ.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.เปิดเผยหลังเข้าไปพบ “แอม น.ส.สรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์” ผู้ต้องหาฆ่าผู้อื่น ในทัณฑสถานหญิงกลาง ว่า วันนี้ตน พร้อมด้วยผบช.ภ.7 และอ๊อฟ อดีตสามีแอม ได้เข้าไปเกลี้ยกล่อมให้แอมสำนึกผิด โดยแอมเสนอว่าขอเจอญาติผู้หญิงคนหนึ่งที่ไว้ใจก่อน โดยญาติคนนี้อยู่ในพื้นที่ บช.ภ.7 หลังจากนั้นจะยอมให้การกับตนทั้งหมด โดยนัดหมายให้ อ๊อฟ นำตัวญาติของแอมมาพบในเวลา 10.00 น. วันที่ 5 พ.ค. นี้ จากนั้นวันที่ 6 พ.ค. ตนจะมาสอบสวนแอมอีกครั้ง ว่า จะให้การอย่างไร ในระหว่างการสอบสวนแอมได้ร่ำไห้ เพราะกังวลเกี่ยวกับเรื่องสามีที่โดนให้ออกจากราชการจากการกระทำของเขาเอง และไม่รู้ว่าเขาจะทำงานและใช้ชีวิตอย่างไรต่อ รวมถึงกังวลเรื่องลูกด้วย ว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร แต่ในวันนี้ แอม ยังไม่ยอมรับสารภาพในคดีฆ่า หรือให้การใดๆ โดยขอพบญาติรายนี้ก่อน ตนได้พยายามพูดให้เห็นว่าพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนนั้นไปไกลแล้วที่จะเอาผิดกับตัวแอม โดยพนักงานสอบสวนเห็นว่า การให้สามีมาเกลี้ยกล่อมจะทำให้เขาให้การรับสารภาพและเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนตัวอ๊อฟไม่มีความเครียด แต่ตัวแอมมีความเครียดมาก โดยเฉพาะความกังวลในเรื่องของลูก การอยู่ในสังคมของลูกจะอยู่ในสังคมอย่างไร และสามีหลังจากออกจากราชการแล้วจะไปทำงานที่ไหน แอมบอกว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นผลจากสิ่งที่เขาทำทั้งสิ้น

ส่วนเรื่องการรับสารภาพนั้น ตนจะมาสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งหลังจากที่แอมได้พบญาติแล้ว ซึ่งการที่เขาจะรับสารภาพเขาจะต้องสบายใจ ให้เจอญาติที่เขาต้องการพบ แอมรับปากตนว่า ถ้าเจอญาติแล้วจะยอมพูดทั้งหมด หลังจากเสร็จแล้ว ตนจะให้อ๊อฟติดต่อญาติคนนี้เข้ามาเพื่อให้แอมได้เจอญาติรายนี้

...

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า การรวบรวมหลักฐานจะทำควบคู่กันไป โดยบอกแอมว่า คดีทั้ง 15 ราย ทำเคสไหนก็ให้รับสารภาพมา ถ้ารับสารภาพแล้วก็จะต้องรับทั้งหมด ในทางคดีทนายของแอมรับว่าความคดีละ 150,000 บาท ตนบอกไปแล้วว่า มีทั้งหมด 15 คดี ไม่มีทนายความคนไหนหรอกที่จะบอกว่าสู้ไม่ได้ เพราะถ้าบอกว่าสู้ไม่ได้ก็ไม่มีอาชีพทนายความ โดยแอมยังใช้ทนายความคนเดิมเนื่องจากเป็นเพื่อนกัน

สำหรับตัวน้อยหน่า ภรรยาน้อยอ๊อฟ ไม่มีประเด็นไหนแล้ว แต่จะมีการตรวจสอบในคู่ขนานไปด้วย ทุกอย่างต้องทำควบคู่กันไป โดยน้อยหน่า คิดว่าถ้าเกิดเขาไม่ได้ไปต่างจังหวัดก่อน เขาอาจจะถูกฆ่าก็ได้เพราะว่าพักหลังแอมเริ่มไม่ชอบที่น้อยหน่าไปคบกับอ๊อฟ มีความหึงหวง โดยน้อยหน่าเพิ่งคบได้ 5 เดือนจึงไม่รู้อะไรมาก

"ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าอ๊อฟเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม ต้องดูเรื่องความเชื่อมโยงเกี่ยวกับพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน ซึ่งอ๊อฟจะต้องรับผิดชอบด้วย ต้องพยายามทำควบคู่กันไป ต้องพยายามให้แอมสำนึกผิดให้จิตใจส่วนนี้ของแอมขึ้นมา เพื่อให้รู้ผิดชอบชั่วดี ถ้าจิตใจที่ไม่ดีขึ้นมาเหนือกว่า ความรู้ผิดชอบชั่วดีก็จะไม่เกิด ตอนนี้ก็ทำให้เรามีความหวังที่เขาจะได้พบกับญาติเขาก่อนในวันพรุ่งนี้ และในวันถัดไปจะเข้ามาพูดคุยกับแอมอีกครั้ง ถ้าเขารับสารภาพก็เป็นผลดีแต่ถ้าไม่รับเราก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้ศาลลงโทษเขาให้ได้ การที่แอมผสมไซยาไนด์บ่อย ทำให้แอมมียาต้านไซยาไนด์ แสดงว่ามีการป้องกันตัวเอง เพราะสารไซยาไนด์แค่สูดดมไปก็โดนแล้ว ยาต้านไซยาไนด์ ต้องฉีดเข้าเส้นเลือดดำ คนฉีดได้ต้องเป็นพยาบาลต้องไปไล่ต่อว่าใครเป็นพยาบาลที่อยู่ใกล้ตัวเขา การมียาต้านพิษด้วยแสดงถึงว่าคิดไว้รอบคอบแล้ว เรื่องนี้เป็นซีรีส์ได้เลย"

รองผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า สารไซยาไนด์ ผสมสมุนไพรใส่แคปซูลทุกเม็ด แสดงว่าถ้าเกิดแอมเจอเหยื่อก็พร้อมให้กินเลย ส่วนกรณีดาราเราทราบชื่อหมดแล้ว วันจันทร์นี้จะออกหมายเรียกให้มาพบ ซึ่งมีความผิดปกติ เพราะว่าหลังเกิดเหตุคดีนี้แล้ว ได้มีการสั่งซื้อไซยาไนด์ จำเป็นต้องนำมาสอบปากคำเพื่อดูว่า ซื้อไปทำอะไร มีวัตถุประสงค์อะไร