สภ.เมืองนครปฐมออกหมายจับ 3 ข้อหา “รองอ๊อฟ” ร่วมกับ “แอมทมิฬ” อดีตภรรยา ยักยอกทรัพย์ โกงทรัพย์ และปลอมแปลงเอกสาร เหมือนนกรู้หลังศาลอนุมัติหมายจับเดินทางเข้ามอบตัวทันที ส่วนจะโดนแจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าเพิ่มเติมด้วยหรือไม่ ยังต้องรอหลักฐาน รวมทั้งเรียกสอบปากคำเมียน้อย “รองอ๊อฟ” หลังตรวจสอบพบเป็นพยานฐานที่อยู่ให้แอมหลายครั้ง เบื้องต้น “บิ๊กเด่น” สั่งด่วนให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว หลังประชุมพนักงานสอบสวนชุดใหญ่ ผบ.ตร.รับเป็นหัวหน้าคณะทำงานเอง สั่งโอนคดีทั้งหมดให้กองปราบปรามสอบสวน เพื่อให้การทำงานสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ยันมีคดีทั้งหมด 15 คดี ออกหมายจับแล้ว 14 คดี เสียชีวิต 13 รอด 1 เหลืออีกคดีที่ สน.ทองหล่อ ยังลูกผีลูกคนรอรวบรวมหลักฐาน มั่นใจพยานหลักฐานแน่นหนา เพราะเจอสารไซยาไนด์บานเบอะ ล่าสุดพบเตรียมการบรรจุแคปซูลไว้แล้วด้วย
กรณีชุดสืบสวนหลายหน่วย ทั้ง บช.ภ.7 บช.ก. บก.ป.และตำรวจท้องที่ที่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าจะตกเป็นเหยื่อ ภายใต้การนำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. คลี่คลายคดีนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 36 ปี อดีตภรรยานายตำรวจระดับรอง ผกก.ในพื้นที่ จ.ราชบุรี หลังถูกกระชากหน้ากากว่าเกี่ยวพันการเสียชีวิตของเพื่อนและคนรู้จักจำนวนมาก จนถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้และลักทรัพย์ควบคุมตัวฝากขังส่งเข้าทัณฑสถานหญิงกลางไปแล้วนั้น เบื้องต้นตรวจสอบพบว่านางสรารัตน์กำลังตั้งครรภ์ 4 เดือน เคยมีอาการป่วยทางจิตรักษาตัวเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่ขาดการรักษามา 2 ปี ขณะที่การคลี่คลายคดียังคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง มีผู้เข้าข่ายเป็นเหยื่อเพิ่มมากขึ้นกว่า 10 ราย เกี่ยวพันการกู้ยืมเงิน รับจำนำรถ จำนำที่ดิน และวงแชร์
...
“บิ๊กเด่น” ถกชุดทำงานทั้งหมด
ความคืบหน้าจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 3 พ.ค. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เผยว่า วันนี้เรียกประชุมคณะทำงานคลี่คลายคดีนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ ทั้งหมดทุกพื้นที่เกิดเหตุ ทั้งจากตำรวจ นครบาล ตำรวจภูธรภาค 4 ตำรวจภูธรภาค 7 กองปราบปราม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช ก่อนเที่ยงวันนี้จะให้คณะทำงานแต่ละชุดนำข้อมูลมารายงานตรงเพื่อรับทราบข้อมูลทั้งหมด ก่อนเริ่มประชุมช่วง 13.30 น. เป็นการรวมคดีทุกท้องที่เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันและสำนวนแน่นหนา เนื่องจากผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธและขอต่อสู้คดี ตนจะเป็นประธานการประชุมด้วยตัวเอง และมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ฝ่ายสืบสวนเป็นผู้รับผิดชอบคดีในภาพรวมเข้าร่วมการประชุมด้วย
สั่งโอนคดีให้กองปราบปราม
“วันนี้จะมีคำสั่งให้รวมสำนวนคดีทุกพื้นที่ไปที่กองปราบปราม กองบัญชาการสอบสวนกลาง ผมจะเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนโดยตำแหน่ง เนื่องจากกองปราบฯอยู่ในเขตอำนาจสอบสวนของศาลอาญาจะทำให้การทำสำนวนรัดกุมและเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น ส่วนการออกหมายจับคนใกล้ชิดของนางแอมที่เป็นตำรวจ ยืนยันว่าจะมีความชัดเจนในการแถลงข่าวช่วงบ่ายวันนี้” ผบ.ตร.กล่าว
โจ๊กประชุมตำรวจกาญจนบุรี
ที่ ศปก.ภ.จ.กาญจนบุรี สายวันเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.พร้อมคณะเดินทางมาร่วมประชุมและมอบนโยบายการสืบสวนสอบสวนขยายผลคดีนางแอม หลังการประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เผยว่า ยืนยันว่าศพทั้งหมดที่พบมี 14 ศพ เรารวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับไปแล้ว 13 ศพ วันนี้จะให้ไปแจ้งข้อกล่าวหานางแอมเพิ่มเติมในเรือนจำทั้งหมด 13 คดี เพราะฉะนั้นนางแอมคงอยู่ยาวไม่ได้ออกมาแล้ว ส่วนอีกรายเป็นการออกหมายจับข้อหาพยายามฆ่า เหยื่อเป็นภรรยา ผบ.ร้อย ตชด.ยังรอด สามีเป็นเพื่อนกับรอง ผกก.สามีนางแอม
พบไซยาไนด์ซุกแคปซูลอีก
รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ผลตรวจยาออกมาครบหมดแล้วเป็นไซยาไนด์ทั้งหมด แล้วพบไซยาไนด์ในรถของนางแอม และในรถยนต์ฮอนด้าซีวิคของรอง ผกก.อดีตสามี เป็นเรื่องที่น่าตกใจเพราะเมื่อวานพบเพิ่มในรถของนายตำรวจอดีตสามีนางแอม รถคันนี้แอมใช้ด้วย อยู่ในแคปซูลที่บอกว่าเป็นยาสมุนไพร เมื่อแกะออกตรวจแล้วพบว่าเป็นไซยาไนด์ทั้งหมด ขณะนี้กำลังให้พนักงานสอบสวนไปขอหมายจับเพิ่มเติม ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือนางแอมขอไม่เอ่ยชื่อ 1 คน แต่คิดว่าสังคมพอเดาถูก วันนี้กำลังประสานศาลเพื่อขอหมายจับเพิ่มเติม
แจ้งข้อหาแอมเพิ่มรวม 13 คดี
“เพราะฉะนั้นจะสังเกตได้ว่า พฤติกรรมของแอมต้องมีคนแนะนำ เพราะทุกครั้งที่ก่อเหตุจะเป็นวันศุกร์ เสาร์ หรืออาทิตย์ หลังก่อเหตุจะไปต่างจังหวัดแล้วรุ่งขึ้นกลับเพื่อลบล้างถิ่นที่อยู่ อันนี้ต้องมีคนสอน วิชาสอบสวนแบบนี้ต้องมีคนสอน ถ้าไม่มีคนสอนทำแบบนี้ไม่ได้ แต่ยังไงก็ไม่รอดอยู่ดี เพราะฉะนั้นสังเกตได้ว่าเราใช้เวลาอาทิตย์กว่าเองจาก 14 คดีเราออกหมายจับไปแล้ว 13 คดี เหลือคดีที่เกิดเมื่อปี 58 เหตุเกิด สน.ทองหล่อ คดีนี้ก็ใช่ แต่กำลังรวบรวมความเชื่อมโยงต่อเนื่องอยู่ น่าจะออกหมายจับได้วันที่ 5 พ.ค.นี้” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว
...
ขอศาลออกหมายจับผัวตำรวจ
ส่วนความคืบหน้าการออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุกับนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ จาก สภ.เมืองนครปฐม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานมาหลายวัน พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พร้อมพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี หอบสำนวนการสอบสวนเดินทางไปที่ศาลจังหวัดนครปฐม ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ นางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ และ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีผู้ต้องหาวางไซยาไนด์ฆ่าเหยื่อหลายคดี ข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร หลังศาลพิจารณาอย่างละเอียดอนุมัติหมายจับให้พนักงานสอบสวน
...
นกรู้โร่เข้ามอบตัวทันที
ต่อมาเวลา 12.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ ขับรถออกจากบ้านพักในหมู่บ้านมณฑาทิพย์ 5 บ้านลำพยา หมู่ 7 ต.บางแขม อ.เมืองนครปฐม เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก. สภ.เมืองนครปฐม ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หลังศาลจังหวัดนครปฐมอนุมัติหมายจับเลขที่ จ 257/2566 ลงวันที่ 3 พ.ค.2566 รวม 3 ข้อหาประกอบด้วย ข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และข้อหาร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร และออกหมายจับนางสรารัตน์ ตามหมายจับเลขที่ 256/2566 ลงวันที่ 3 พ.ค.2566 จำนวน 3 ข้อหาเช่นเดียวกัน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม จะเดินทางไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับนางแอมที่ทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป
คุมตัวผัวตำรวจสอบที่ กทม.
ต่อมา เมื่อเวลา 15.13 น. ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม คุมตัว พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ ที่ถูกศาลจังหวัดนครปฐมออกหมายจับ 3 ข้อหา หลัง พ.ต.ท.วิฑูรย์เดินทางเข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองนครปฐม ถูกนำมาที่สมาคมพนักงานสอบสวนสโมสรตำรวจ รอให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทาง จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มาสอบสวนต่อไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า อดีตสามีตำรวจของแอม เป็นคนขับรถเชฟโรเลต แคปติวา สีขาว ของนายแด้ หลังจากนายแด้เสียชีวิต จาก จ.อุดรธานี ไปยัง จ.นครปฐม และนำไปจำนำกับเพจรับจำนำรถยนต์
สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เผยว่า ขณะนี้ตำรวจ บช.ภ.7 ขอศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ แจ้ง 3 ข้อหา คือ ร่วมกัน ยักยอกทรัพย์ ร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอมแปลงเอกสารราชการ เบื้องต้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว สำหรับ ข้อหา ยักยอกทรัพย์สืบเนื่องจากพบหลักฐานว่า พ.ต.ท. วิฑูรย์ เดินทางไปรับตัว น.ส.แอม ที่ จ.อุดรธานีหลังจากนายแด้เสียชีวิต และร่วมกันนำรถยนต์เชฟโรเลต แคปติวา สีขาว ของนายแด้ ไปจำนำในพื้นที่ จ.นครปฐม ส่วนข้อหาอื่นมีหลักฐานพบว่า พ.ต.ท.วิฑูรย์ร่วมกัน ฉ้อโกงและใช้เอกสารราชการปลอม ร่วมก่อเหตุ 1-3 เหตุการณ์ ส่วนจะเข้าข้อหาร่วมกันฆ่าหรือไม่ อยู่ระหว่าง การพิจารณา คาดว่าสามารถออกหมายจับภายในสัปดาห์หน้า ยืนยันว่าจะคัดค้านประกันตัว และส่งตัว ไปคุมตัวที่เรือนจำจังหวัดนครปฐมตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
...
“บิ๊กเด่น” ตั้งคณะทำงานชุดใหญ่
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เวลา 16.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และคณะทำงานคลี่คลาย คดีนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ ร่วมแถลงผล การดำเนินคดี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า วันนี้ประชุม ติดตามความคืบหน้าคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติพบความเชื่อมโยงจากการเสียชีวิตของผู้เสียหาย 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย รวมเป็น 15 ราย ปัจจุบันออกหมายจับแล้ว 14 คดี ยังมีสงสัยอีก 2-3 คดี วันนี้ที่ประชุมลงมติให้โอนทั้ง 14 คดี ให้กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินการ มีหัวหน้าคณะสืบสวน คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในคณะประกอบด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบช.สพฐ.ตร. สั่งการให้เร่งรัดดำเนินการทุกวันทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้พยานหลักฐานที่แน่นหนาเอาผิดกับผู้ต้องหา
ยันหลักฐานแน่นเอาผิดได้
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ใน 14 คดีที่ดำเนินคดีแล้ว ตำรวจย้อนกลับไปเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทำให้มีหลักฐานประกอบสำนวนคดีต่างๆมากขึ้น อีกทั้งการค้นหาไซยาไนด์ ประสานกรมโรงงาน และ อย.พบแหล่งที่มาอยู่ระหว่างคัดแยกว่าส่วนไหน ที่ส่งถึงนางแอม ส่วนการส่งพยานหลักฐานให้ “อาจารย์ อ๊อด” นายวีรชัย พุทธวงศ์ ช่วยตรวจสอบครั้งนี้ ถือเป็น การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ จากนี้พยานหลักฐานทั้งหมดจะเข้าตามระบบ ส่วนหลักฐานของอาจารย์อ๊อดยืนยันเอาไปใช้ในชั้นศาลได้ แต่ตำรวจสื่อสารไปแล้วเรื่องการให้ข้อมูลสู่สาธารณะ หลังจากนี้ต้องระมัดระวัง เนื่องจากมีผลต่อรูปคดี แม้ไม่มีพยานที่รู้เห็นตอนแอมหยอดยาไซยาไนด์ในอาหารหรือน้ำดื่มให้ผู้เสียชีวิต แต่คดีนี้ตำรวจมีประจักษ์ พยาน พยานแวดล้อม และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์แน่นหนา เอาผิดผู้ต้องหาได้ทุกคดีแน่นอน เพียงแต่บางอย่างยังเปิดเผยไม่ได้ อยู่ในสำนวนคดี
คดีที่ทองหล่อเป็นคดีสุดท้าย
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าวว่า ขณะนี้คดีที่เกี่ยวข้องเหลือเพียงในส่วน สน.ทองหล่อ วันที่ 8 พ.ค. ตำรวจจะขอศาลออกหมายจับได้ เนื่องจากการสอบสวนอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว สำหรับตำรวจยศ ส.ต.อ.ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับแอมด้วยหรือไม่ เบื้องต้นแพทย์ยืนยันว่าป่วยด้วยโรคมะเร็ง แต่ทั้งหมดนี้ต้องสืบสวนโดยละเอียดอีกครั้ง สำหรับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือรองอ๊อฟ (นรต.60) อดีตสามีแอม ตำรวจพบว่าหย่าร้างทางนิตินัยแต่ทั้งสองยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ไม่ได้เลิกกันจริง ส่วนที่ไปมีสามีใหม่คือแด้ จุดประสงค์เพื่อต้องการทรัพย์สิน เนื่องจากแอมทราบมาว่ามีทรัพย์สินมาก อีกทั้งการสืบสวนของตำรวจขยายพื้นที่ตั้งแต่ จ.อุดรธานี ในคดีของนายแด้ เชื่อว่ารองผู้กำกับมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหลังก่อเหตุแอมให้ไปเอารถของแด้ที่ จ.อุดรธานี จากนั้นทั้งสองไปตระเวนทวงเงินจากลูกหนี้ของนายแด้ เรามี ข้อมูลจนขออนุมัติออกหมายจับได้
รอผลเส้นทางการเงินมัดตัว
รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ผู้เสียหายทั้ง 15 รายแอมใช้สารไซยาไนด์ทั้งหมด ไม่ว่าในรูปแบบน้ำ อาหาร ยาเม็ดแคปซูล ปัญหาการเงินเป็นมูลเหตุจูงใจการฆ่า ใช้วิธีการโอนเงินทั้งแบบหลอกรับจำนำรถยนต์ ขอกู้ยืม เพราะแอมล้มเหลวด้านการเงิน มีหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก ทั้งนี้สอดคล้องกับข้อมูลจากการตรวจค้นที่บ้านพี่สาวแอมพบแคปซูลจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่าในแคปซูลปนเปื้อนสารไซยาไนด์ สำหรับข้อมูลการใช้โทรศัพท์ การโอนเงิน การทำธุรกรรมธนาคาร เส้นทางการเงินทั้งหมดหาความเชื่อมโยงระหว่างรองอ๊อฟกับแอม ตำรวจจะได้รับข้อมูลภายในวันที่ 5 พ.ค.นี้ รวมไปถึงบัญชีม้าที่แอมใช้เองด้วย
“แอม” ใช้ชีวิตในเรือนจำปกติ
ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง น.ส.โศรยา ฤทธิอร่าม ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยการควบคุมตัวนางสรารัตน์ว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาใช้กิจวัตรประจำตามปกติ ยังอยู่ในห้องกักโรคป้องกันโควิด-19 ตามมาตรการของเรือนจำ และดูแลคนท้องตามมาตรฐาน โดยมีแพทย์ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์คอยติดตามรักษาผู้มีอาการป่วยทางกายและจิตใจของผู้ต้องขังทุกคนอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะตัวของนางสรารัตน์เพียงคนเดียว ส่วนอาการป่วยความดันเริ่มทุเลาแล้ว สำหรับผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์ทุกคน เรือนจำจัดหาอาหารส่งเสริมคุณค่าด้านโภชนาการและเพิ่มไข่ต้มวันละ 1 ฟอง อย่างไรก็ตาม ทราบว่านางสรารัตน์เคยมีปัญหาภาวะนอนไม่หลับเท่านั้น และปัจจุบันยังใช้ชีวิตปกติไม่มีอาการอื่น
“รองอ๊อฟ” รับสารภาพบางส่วน
ที่สโมสรตำรวจ เวลา 19.45 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางสอบสวน พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือรองอ๊อฟ อดีตสามีแอม เพิ่มเติม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เผยว่า หลังจาก ผบ.ตร.แบ่งมอบงาน ตนมอบหมายให้คณะทำงานสอบปากคำเพิ่มเติม รอง ผกก.ให้การดีขึ้น รับสารภาพข้อหาตามหมายจับ วันนี้ตนจึงมาสอบสวนเพิ่มเติม ส่วน น.ส.น้อยหน่า ที่ว่า เป็นภรรยาน้อยของรอง ผกก.นั้น ตอนนี้ตัวอยู่ที่นี่แล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มการสอบสวน จากนี้ไม่ว่าจะมีวันหยุดกี่วัน ทางคณะพนักงานสอบสวนจะเร่งทำเพิ่มเติม หลังการสอบสวนจะนำตัว รอง ผกก.ไปควบคุมตัว ที่ สภ.เมืองนครปฐม นำตัวไปฝากขังวันที่ 4 พ.ค. พร้อมคัดค้านการประกันตัวเกรงว่าจะหลบหนี
บุกสอบแอมในเรือนจำ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า วันพรุ่งนี้ตนจะเดินทางไปสอบปากคำนางแอมภายในเรือนจำ เพราะเชื่อว่าหลังจากติดคุกมาหลายวันน่าจะรู้ผิดชอบ ชั่วดีมากขึ้น หลังจากคณะพนักงานสอบสวนเดินทางเข้าไปสอบปากคำนางแอมล่าสุด รับสารภาพว่า เป็นคนไปรับ น.ส.ทรายที่สนามบิน คดีที่ สน.ทองหล่อ ทั้งนี้ ตนจะเข้าไปคุยสอบถามเพิ่มเติมภายในเรือนจำอีกครั้ง ช่วงวันหยุดนี้จะทำความจริงให้กระจ่าง อย่างน้อยวันจันทร์อังคารนี้จะบอกสื่อมวลชนได้ ในส่วนของ น.ส.น้อยหน่า ภรรยาน้อย อาจรู้ข้อมูลเยอะ เพราะอยู่ใกล้ชิด เขาเป็นสามีภรรยาย่อมรู้ว่าเส้นทางการเงินเป็นอย่างไร คน 3 คน ไปในสถานที่เดียวกันย่อมต้อง ทราบรายละเอียด
มีดาราสั่งซื้อไซยาไนด์ด้วย
รอง ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ซื้อไซยาไนด์ทางออนไลน์ต้องมีวัตถุประสงค์ ซื้อไปทำอะไร ตอนนี้ เรามีข้อมูลทั้งหมดแล้วว่าใครซื้อไปบ้าง รวมถึงบุคคล ที่เป็นดาราด้วย มีบุคคลที่ซื้อไปนับ 100 ราย หากพบ พิรุธ หรือมีความน่าสงสัยจะเรียกมาสอบสวน หากคนใดซื้อไปผิดวัตถุประสงค์จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
โอนคดีเพื่อฟ้องศาลเดียว
“ตำรวจต้องบริหารคดีด้วยความเที่ยงตรง ถ้าจะเอาผิดเขาต้องให้มีความชัดเจน วันนี้สังคมอาจ ตัดสินไปแล้วแต่ในส่วนพนักงานสอบสวน การดำเนิน คดีอาญาต้องมีพยานหลักฐานหลายจุด เราต้องรวบรวม พยานหลักฐานทั้งหมดเพื่อส่งให้อัยการ หากอัยการเห็นว่าสำนวนยังขาดต้องทำเพิ่มให้เกิดความชัดเจน เพื่อให้ศาลพิพากษาลงโทษให้ได้ สำหรับคดีนี้ ผบ.ตร. ให้กองปราบฯรวบรวมทำคดี แต่ทุกท้องที่ยังคงทำสำนวนไว้ก่อนนำมารวมที่กองปราบปราม เพื่อรวบรวม ยื่นฟ้องศาลอาญาเพียงศาลเดียว ชี้ให้ศาลเห็นถึงความ เชื่อมโยงการเสียชีวิตของแต่ละคดี” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว