ตำรวจไซเบอร์ รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเป็นหญิงชาวต่างชาติถูกกักตัวอยู่ในค่ายทหารประเทศซีเรีย ต้องการจะหนี และขอความช่วยเหลือ ให้รับกล่องพัสดุที่มีเงิน 1.7 ล้านเหรียญ วอนให้จ่ายค่าธรรมเนียม พร้อมให้ติดต่อจากเฟซบุ๊กเป็นไลน์ จนทำสูญเงินกว่า 36 ล้านบาท
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 พ.ค. 66 ที่ห้อง ศปก.บก.สอท.1 พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.วีระวิทธ์ ผลประสิทธิ์ ผกก.3 สอท.1 พ.ต.อ.รชตโชค ลีวาณิชคุณ ผกก.กลุ่มงานฯ บก.สอท.1 พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 แถลงผลการจับกุม "แก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเป็นชาวต่างชาติส่งพัสดุราคาแพง ให้ผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายค่าธรรมเนียม สูญเงินกว่า 36 ล้านบาท"
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า ในคดีนี้สืบเนื่องจากมีหญิงชาวต่างชาติใช้บัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ “Helen” ส่งคำขอเป็นเพื่อนกับทางผู้เสียหาย อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจ ส่งข้อความมาหาผู้เสียหายทางเมสเซนเจอร์ โดยใช้อุบายแจ้งผู้เสียหายว่า ตัวเขาถูกกักตัวอยู่ในค่ายทหารที่ประเทศซีเรีย เขามีความต้องการที่จะหนีออกมาจากค่ายทหาร เพราะในค่ายทหารอันตราย มีการสู้รบและยิงกันตายทุกวัน โดยเขาจะมาขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหายฯ ให้ผู้เสียหายรับพัสดุที่เขาจะส่งมายังประเทศไทยให้แก่เขาไว้ก่อน เมื่อสามารถเดินทาง เข้ามาประเทศไทยและอยู่อย่างถาวรแล้ว จะมารับกล่องพัสดุดังกล่าวจากผู้เสียหาย
...
ต่อมาแจ้งผู้เสียหายว่าในกล่องพัสดุดังกล่าวเป็นเงินสหรัฐฯ จำนวน 1,700,000 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยราว 50 ล้านบาท และแจ้งแก่ผู้เสียหายฯ ว่าทางเขาไม่สะดวกในการติดต่อกับผู้เสียหายฯ ทางเฟซบุ๊ก ขอให้ติดต่อทางแอปพลิเคชันไลน์ โดยใช้ไลน์ ชื่อ "Helen" และ "T"
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่มีการเพิ่มช่องทางการติดต่อทางไลน์แล้ว เฟซบุ๊กดังกล่าวก็มีการปิดตัวลง เป็นการติดต่อทางไลน์แล้ว หลังจากนั้นมีผู้ใช้ไลน์ชื่อ "Fast Move Cargo” ได้มีการเพิ่มผู้เสียหาย เป็นเพื่อนทางไลน์แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการนำพัสดุกล่องเงินที่ส่งมาจากประเทศซีเรียส่งมาให้แก่ผู้เสียหายฯ แต่ในการดำเนินการจะต้องมีใช้จ่ายค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น เงินประกันกล่องพัสดุ, ค่าจัดส่ง, ค่าคนคุ้มครองในการจัดส่ง, ค่าจัดทำเอกสารเพื่อนำกล่องพัสดุออกจากการท่าอากาศยาน และอื่นๆ อีกหลายอย่าง โดยเริ่มแจ้งค่าใช้จ่ายต่างๆ แก่ผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินเข้าบัญชีคนร้าย ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 10 กันยายน 2564 รวม 16 บัญชี จำนวน 34 ครั้ง เป็นเงินที้งสิ้น 36,984,000 บาท
ทางชุดปฏิบัติการ บก.สอท.1 จึงทำการสืบสวนเพื่อรวมรวมพยานหลักฐาน จนทราบตัวกลุ่มขบวนการมิจฉาชีพเพื่อขอศาลออกหมายจับ รวม 15 หมายจับ ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าได้ 8 ราย อายัด 2 รายจึงนำหมายจับศาลอาญา ที่ จ.345/2565 ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2565 เข้าจับกุมน.ส.นุสรา พิสมัย อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128/30 หมู่ที่ 7 ต.บางคูวัด อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหารายที่ 9 ทำหน้าที่บัญชีม้าแถวที่ 1 ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน"
จากการสอบสวน น.ส.นุสรา ทราบว่าได้รับโอนเงินจากผู้เสียหายเข้ามาในบัญชีธนาคาร รวม 3 ครั้ง ครั้งละ 1.9 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 5.7 ล้านบาท โดยติดตามจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนเลียบคองพิง ต.บึงเสนาท อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 4 ราย ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามจับกุม ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
...