ผบช.ภ.7 แจงยิบ คดี “แอม ไซยาไนด์” ก่อเหตุในพื้นที่ 5 จังหวัด 12 คดี ขณะนี้ศาลออกหมายจับแล้ว 9 หมาย รวมคดีก้อยของกองปราบฯเป็น 10 หมายจับ ทั้งฆ่าผู้อื่น พยายามฆ่า และลักทรัพย์ จ่อขอศาลออกหมายจับที่เหลืออีก 2 เคส ด้านรอง ผบก.ป.ระบุ “คดีก้อย” ถึงตอนนี้เชื่อสาวโหดลงมือคนเดียว “แม่ทราย-มณฑาทิพย์” สาวกำแพงเพชรที่เสียชีวิตเมื่อปี 58 เข้าให้การตำรวจ 9 ชม. ก่อนเผยเชื่อลูกสาวตายฝีมือแอม แฉเคยยืมเงินลูกสาวไป 1.5 แสนบาท ด้านบิ๊กโจ๊กเรียกประชุมใหญ่คณะทำงานคนไทยทั้งประเทศยังคงจับจ้องกับการสืบสวนสอบสวนของตำรวจคดีฆาตกรต่อเนื่องว่า เหยื่อ

“แอม ไซยาไนด์” หรือนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 36 ปี สาวท้องวัย 4 เดือน จะหยุดลงที่กี่ศพ เพราะเส้นทางการเงินของนางสรารัตน์ย้อนหลังไป 3 ปี พบผู้เสียชีวิตหลังโอนเงินให้ไม่นานมีถึง 20 ศพ ทุกรายเกี่ยวข้องกับการร่วมทุนจำนำรถ จำนำที่ดิน ปล่อยกู้และวงแชร์ ขณะที่ตำรวจออกหมายจับแล้ว 3 คดี คดีแรกเป็นคดีฆ่า น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ เสียชีวิตที่ท่าน้ำราชบุรี คดีที่ 2 วางยาฆ่าสารวัตรปู-พ.ต.ต.หญิง นิภา แสนจันทร์ เสียชีวิตวันที่ 1 เม.ย.66 ที่พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม และหมายจับที่ 3 น.ส.รสจรินทร์ นิลห้อย หรือเจ๊น้อยผัก เสียชีวิตวันที่ 10 ส.ค.65 ตำรวจระบุยอดเหยื่อที่เสียชีวิตถึงขณะนี้มี 14 ศพ รอด 1 ราย รายที่ 14 ที่พบคือ น.ส.มณฑาทิพย์ หรือทราย ขาวอินทร์ อายุ 37 ปี เสียชีวิตที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.58 หลังเดินทางกลับจากต่างประเทศ แอมไปรับที่สนามบิน ขณะที่เจ้าตัวยังอยู่ระหว่างการฝากขังผัดแรกของพนักงานสอบสวนภายใน ทัณฑสถานหญิงกลาง

...

“โจ๊ก” เรียกประชุม 10 โมง 2 พ.ค.

ความคืบหน้าในการคลี่ปมคดีโหดจากฝีมือ “แอม ไซยาไนด์” เมื่อเวลา 13.35 น. วันที่ 1 พ.ค.ที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้ารวบรวมสำนวนคดีแอมไซยาไนด์ เผยสั้นๆหลังเข้ามาติดตามความคืบหน้าคดีที่เกี่ยวข้องกับนางสรารัตน์ หรือแอม ไซยาไนด์ ว่า ในเวลา 10.00 น. วันที่ 2 พ.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้องมาประชุมร่วมกันเพื่อสรุปผลของคดี จะมีความชัดเจนในคดีมากยิ่งขึ้น รวมถึงประเด็นการออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่ด้วย

หมายจับ “สาวโหด” เพิ่มอีก 4 คดี

มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลออกหมายจับแอม ไซยาไนด์ เพิ่มอีก 4 คดี จากเดิมที่ออกหมายจับไป 3 หมาย คดีแรก ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 291/2566 ลง 1 พ.ค.66 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นคดีที่นายสุรัตน์ ทรพับ หรือบี อายุ 35 ปี เสียชีวิต สาเหตุหลอดเลือดหัวใจตีบ เมื่อวันที่ 6 ม.ค.64 บ้านใน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ช่วงเสียชีวิตพบเงินจากบัญชีธนาคารผู้ตายโอนเข้าบัญชีธนาคารแอม 60,000 บาท (สภ.ท่ามะกา รับผิดชอบ) หมายจับคดีที่ 2 ศาลจังหวัดราชบุรี ที่ 197/66 ลง 1 พ.ค.66 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และลักทรัพย์ ในคดีที่ น.ส.กะณิกา หรือเอ๊ะ ตุลาเดชารักษ์ อายุ 44 ปี เสียชีวิต สาเหตุเลือดออกในสมอง เหตุเกิดวันที่ 12 ก.ย.65 ที่ปั๊มปตท. บริเวณวงเวียนโพธาราม จ.ราชบุรี ช่วงเสียชีวิตพบเงินในบัญชีธนาคารผู้ตายถูกถอนไป 3 แสนบาท พร้อมโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำสูญหายไปอีกอย่างละเส้น (สภ.โพธาราม รับผิดชอบ)

เหตุเกิดในพื้นที่ตำรวจภาค 7

หมายจับที่ 3 ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 242/66 ลง 1 พ.ค.66 ข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน (สภ.เมืองกาญจนบุรี รับผิดชอบ) คดีที่นางกานติมา แพสอาด อายุ 36 ปี หรือปลา ภรรยาตำรวจรอดชีวิต เหตุเกิด ก.ย.2565 ที่ห้างแห่งหนึ่ง จ.กาญจนบุรี มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก มือชา หลัง รับประทานยาแคปซูลที่ได้รับจากแอม โดยแอมติดหนี้ เงิน 250,000 บาท (ใช้มาแล้วกว่า 50,000 บาท) สนิทกันมากว่า 6 ปี หมายจับที่ 4 ศาลจังหวัดเพชรบุรี ที่ 156/66 ลง 1 พ.ค.66 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กรณีนางจันทร์รัตน์ วงศ์ไกรสิณ หรือจุ๋ม สาเหตุเสียชีวิต หัวใจล้มเหลว เหตุเกิดวันที่ 15 ส.ค.2565 ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ผู้ตายรู้จักกับแอมจากเพื่อนที่เป็นตัวแทนขายประกัน โอนเงินให้แอม 70,000 บาท ลงทุนปล่อยเงินกู้ 26,800 บาท ลงทุนขายของ (สภ.ชะอำ รับผิดชอบ)

จ่อขอศาลออกเพิ่มอีก 4 คดี

รายงานระบุอีกว่า ตำรวจยังเตรียมพิจารณาขอศาลออกหมายจับอีก 4 คดี ที่เกี่ยวข้องกับแอม คือ คดีที่ 1 น.ส.ดาริณี เทพหวี หรือฟ้า อายุ 34 ปี เสียชีวิตจากสาเหตุกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ เหตุเกิดวันที่ 13 ธ.ค.2563 ที่บ้านพัก อ.สามพราน จ.นครปฐม มีทรัพย์สินสูญหาย 60,000 บาท คดีที่ 2 นางมณีรัตน์ พจนารถ หรือครูต่าย สาเหตุเสียชีวิตเส้นเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน เหตุเกิดวันที่ 10 ก.ย.65 เหตุเกิดพื้นที่ ตลาดบน-ตลาดล่าง พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม โดยแอมโทร.มานัดเจอครูต่ายก่อนเสียชีวิต และแอมยอมรับกับลูกครูต่ายว่าเจอกันจริง

เหยื่อ 4 ศพ ตายในเขต จ.นครปฐม

คดีที่ 3 ร.ต.อ.หญิง กานดา โตไร่ (ผู้กองนุ้ย) อายุ 36 ปี สาเหตุเสียชีวิตระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว เหตุเกิดวันที่ 10 ส.ค.2565 ที่บริเวณหน้าห้างโกลบอล จ.นครปฐม ลงทุนเล่นแชร์กับแอม วง 7 คน และสนิทกับแอม และ 4.น.ส.ผุสดี สามบุญมี หรือครูอ๊อด ข้าราชการครู สาเหตุเสียชีวิตมะเร็งเม็ดเลือด ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบการหายใจล้มเหลว เหตุเกิดวันที่ 20 พ.ย. 65 ภายในบ้าน ต.ลำบัว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ร่วมทำธุรกิจวงแชร์ รับจำนำรถ

...

“คดีแด้-คดีนิด” กำลังตรวจสอบ

นอกจากนี้ ยังมีอีก 4 คดี ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 1.นายสุทธิศักดิ์ หรือแด้ พูนขวัญ (สามีนอกสมรส) อายุ 35 ปี สาเหตุเสียชีวิตหัวใจเต้นผิดจังหวะ เหตุเกิดวันที่ 12 มี.ค.2566 ที่บ้านพักใน ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี (เสียชีวิตในวันเกิดแอมที่บินไปจัดงานที่ จ.อุดรธานี) ทรัพย์สินที่สูญหายประกอบด้วย สร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนักรวม 8 บาท พระเครื่องมูลค่า 100,000 บาท เงินสดอีกจำนวนหนึ่ง

คดีที่ 2 น.ส.นิตยา หรือนิด แก้วบุปผา อาชีพโฟร์แมนคุมงาน สาเหตุเสียชีวิต ระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจล้มเหลว เหตุเกิด 22 ส.ค.63 ต.โพรงมะเดื่อ อ.ดอนตูม จ.นครปฐม พบเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ ที่ห้องพักส่วนตัว รู้จักกับแอมที่ จ.นครปฐม หลังย้ายไปคุมไซต์งาน มีเรื่องการกู้ยืมเงิน เอารถไปจำนำ 150,000 บาท ได้เงินมาเสียชีวิต ไม่ทราบเงินอยู่ไหน แพทย์ผ่าชันสูตรสภาพร่างกายศพสีม่วงคล้ำ

รวมทั้งเคส “หนิมกับทราย”

3.น.ส.สาวิตรี บุตรศรีรักษ์ หรือหนิม อายุ 40 ปี ภรรยานายดาบตำรวจ ตม.บึงกาฬ เสียชีวิต ที่ จ.มุกดาหาร วันที่ 25 พ.ย.63 แอมส่งยาลดน้ำหนักมาให้ก่อนเสียชีวิต พบว่าร่วมวงแชร์และแอมติดหนี้ผู้ตายเป็นเงินหลักแสนบาท และ 4.น.ส.มณฑาทิพย์ หรือทราย ขาวอินทร์ ชาวกำแพงเพชร สาเหตุที่เสียชีวิต หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เสียชีวิตวันที่ 7 ก.ค.58 ที่กรุงเทพมหานคร แอมไปรับเหยื่อที่สนามบิน ขณะเดินทางกลับจากต่างประเทศ พบว่าทรัพย์สินเหยื่อต่างๆ แอมบอกนำไปประมูลขายและมาซื้อตึกที่นครปฐม รู้จักสนิทกับแอม ช่วยเหลือยืมเงินกันตลอดแต่ไม่เคยได้คืน และชอบไปทำบุญด้วยกัน แอมไม่เคยมางานศพ

ผบช.ภ.7 แจงยิบเกิดในพื้นที่ 12 คดี

...

ส่วนการทำงานในส่วนของตำรวจภูธรภาค 7 เย็นวันเดียวกัน พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผบช.ภ.7 เผยว่า วันนี้ได้มีความคืบหน้าไปมาก สรุปได้ว่าคดีที่เกิดขึ้นในตำรวจภูธรภาค 7 มีทั้งหมด 12 คดี 5 จังหวัด คดีแรกคือคดีน้องก้อย ที่กองปราบปรามออกหมายจับ คดีที่เหลืออยู่ในอำนาจการสอบสวนของตำรวจภาค 7 ได้ขอศาลในแต่ละพื้นที่ออกหมายจับไปแล้ว 9 หมาย ประกอบด้วย 1.คดีในพื้นที่ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เคสของคุณจุ๋ม จันทรรัตน์ วงศ์ไกรสิณ 2.คดีในพื้นที่ สภ.ลูกแก จ.กาญจนบุรี เคสของ บี-นายสุรัตน์ ทรพับ 3.คดีในพื้นที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เคสของคุณปลา กานติมา แพสอาด ที่รอดชีวิต 4.คดีในพื้นที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เคสคุณรสจรินทร์ นิลห้อย หรือเจ๊น้อยผัก

ส่วนคดีในพื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม 3 หมาย เป็นรายที่ 5. คดีผู้กองนุ้ย ร.ต.อ.หญิง กานดา โตไร่ 6.ครูต่าย นางมณีรัตน์ พจนารถ และ 7.สารวัตรปู-พ.ต.ต.หญิง นิภา แสนจันทร์ ส่วนคดีที่ 8.ในพื้นที่ สภ.โพรงมะเดื่อ จ.นครปฐม เป็นคดีของนางนิตยา หรือนิด แก้วบุปผา คดีที่ 9.สภ.ดอนตูม จ.นครปฐม คดีของครูอ๊อด-ผุสดี สามบุญมี พรุ่งนี้คาดว่าจะขอศาลออกหมายจับอีก 2 คดีที่เหลือในพื้นที่ จ.นครปฐม

...

สั่ง “อดีตผัวแอม” ประจำ ศปก.ราชบุรี

ผบช.ภ.7 กล่าวต่อว่า สำหรับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตรอง ผกก.สภ.บ้านโป่ง สามีของแอม ผบก.ภ.จ.ราชบุรี ใช้อำนาจการปกครองเพื่อไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดีนี้ และเพื่อให้เกิดความยุติธรรมขั้นสูงสุด สั่งการให้สามีของแอมผู้ต้องหามาประจำการที่ ศปก.ภ.จ.ราชบุรี และส่งพนักงานสอบสวนเข้าไปรักษาการในตำแหน่งนั้น หลักฐานต่างๆที่ส่งให้อาจารย์อ๊อด มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ยังไม่สามารถนำข้อมูลออกมาเผยแพร่ได้ เพราะยังอยู่ในสำนวนการสอบสวน

ศาลอุดรธานีออกหมายจับฆ่า “แด้”

วันเดียวกัน พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า พ.ต.ท.สิงหราช แก้วเกิดมี รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี รายงานว่า ได้รวบรวมพยานและหลักฐานเสนอศาลจังหวัดอุดรธานี ออกหมายจับที่ 109/2566 ลงวันที่ 1 พ.ค.66 จับกุมนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” กรณีนายสุทธิศักดิ์ หรือแด้ พูนขวัญ อายุ 36 ปี ชาว จ.ราชบุรี นายทุนเงินกู้ สามีใหม่นางสิรารัตน์ เสียชีวิตที่หอพักแห่งหนึ่งใน ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี แพทย์ระบุว่า “หัวใจเต้นผิดจังหวะ” เมื่อวันที่ 12 มี.ค.66 ซึ่งภรรยาไม่ติดใจในการเสียชีวิต ก่อนส่งศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดนายแด้

แม่ “ทราย” ศพที่ 14 ให้ปากคำ ตร.

ก่อนหน้านี้ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่สมาคมพนักงานสอบสวนสโมสรตำรวจ ตำรวจ บก.ภ.จ.กำแพงเพชร นำตัวนางลัดดา ขาวอินทร์ อายุ 64 ปี แม่ น.ส.มณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ หรือทราย อายุ 37 ปี ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 7 ปีที่แล้วในพื้นที่ กทม.พร้อมญาติอีก 2 คน เข้าให้การในฐานะพยาน โดยผู้สื่อข่าวถามว่าเชื่อหรือไม่ว่าลูกสาวถูกทำให้เสียชีวิต นางลัดดาตอบว่าเชื่อ ไม่เห็นว่าเขาทำแต่ มั่นใจว่าเป็นแอม เพราะทั้งแอมและทรายสนิทกัน เมื่อถามต่อว่าอยากให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษประหารชีวิตใช่หรือไม่ นางลัดดาระบุสั้นๆว่าอยากให้ประหาร ก่อนจะเดินเข้าห้องพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำ ความสัมพันธ์ระหว่างทรายและแอม เพื่อนำข้อมูลใช้ในการสืบสวนขยายผลต่อไป

“รพี” ปูดหลักฐานใหม่มัด “แอม”

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานญาติผู้เสียชีวิตในคดีแอม ไซยาไนด์ เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมกับคณะทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้ดูแลคดีสะเทือนขวัญ กรณีร่างของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย อายุ 32 ปี เท้าแชร์ชาว จ.กาญจนบุรี ที่ยังเก็บรักษาไว้อยู่ ว่าสามารถนำไปประกอบพิธีการทางศาสนาได้หรือไม่ หากมีผลออกมาเช่นไรจะแจ้งให้สื่อมวลชนและประชาชนทราบอีกครั้ง รวมทั้งระบุว่า วันนี้จะเดินทางไป จ.กาญจนบุรี เพื่อรับหลักฐานสำคัญด้านการเงินผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง ที่เชื่อมโยงกับ แอม โดยเจ้าของบัญชีดังกล่าวเสียชีวิตไปแล้ว แต่บัญชียังมีความเคลื่อนไหวมีวงเงินหลายแสนบาท และบุคคลที่ทำธุรกรรมไม่ใช่ญาติพี่น้อง จะนำมามอบให้กับพนักงานสอบสวน

แนะสื่อตามคดีทรายเหยื่อล่าสุด

ส่วนคดีของนางสาวทราย เหยื่อที่เสียชีวิตรายที่ 14 หลังตำรวจรับเรื่องร้องทุกข์ที่มารดาเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สโมสรตำรวจวันนี้ นายรพีกล่าวว่า อยากให้ไปติดตามหาหลานสาวของนางสาวทราย หลังทราบว่ามีเอกสารบางอย่างที่นางแอมลงรายมือไว้ว่าเป็นผู้จัดการมรดก แล้วมีข้อมูลว่าเคยยื่นเอกสารชิ้นนี้ให้กับสามีชาวต่างชาติของนางสาวทราย เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อข้อมูลและพยานหลักฐานในข้อเท็จจริงของคดีนี้

ปัดรับ 5 หมื่นจาก “อัจฉริยะ”

ขณะเดียวกันนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมามอบกระเช้าและเงินสด 50,000 บาท ให้กับนายรพีระบุว่า ให้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เชื่อว่าต้องไปอีกหลายที่ ส่วนกระเช้ามอบให้เพื่อบำรุงร่างกายในการต่อสู้คดี เงินดังกล่าวเป็นเงินที่รวบรวมจากแฟนคลับในชมรมและเงินส่วนตัวของตน เพื่อเป็นกำลังใจให้บุคคลตัวอย่างที่เก่ง กล้า ไม่เพิกเฉย ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหากไม่มีนายรพีก็ไม่รู้ว่านางแอมจะไปฆ่าคนอีกจำนวนเท่าไร ด้านนายรพี ปฏิเสธไม่ขอรับเงินเนื่องจากกังวลว่าจะผิดต่ออุดมการณ์ที่เคยประกาศว่าจะอุทิศตัวช่วยเหลือสังคมที่ไม่ได้รับความถูกต้อง การช่วยเหลือสังคมในวันนี้ ไม่ใช่ฮีโร่แต่อยากทำความจริงให้ปรากฏเพื่อให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นในสังคมไทย

“แม่ทราย” เชื่อลูกตายฝีมือ “แอม”

นางลัดดา แม่ของ น.ส.มณฑาทิพย์ หรือทราย ขาวอินทร์ ออกมาเปิดเผยหลังให้ปากคำนานกว่า 9 ชม.ว่า คิดว่าการตายของลูก แอมอาจจะเกี่ยวข้อง เพราะแต่ละคนมีการตาย มีลักษณะศพ มีอาการเหมือนกันหมด แอมได้พบกับลูกสาวตนเป็นคนสุดท้าย ไม่รู้ว่าทรัพย์สินส่วนตัวที่สูญหายไปมีอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าเขาเอาอะไรไปบ้าง เคสของลูกสาวตนเสียชีวิตในวันที่เดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาในวันนั้นทันที โดยไม่มีโอกาสได้เจอกัน สภาพศพที่มีเลือดออกเหมือนกับสภาพศพคนอื่นที่เกี่ยวข้องในคดี แพทย์ชันสูตรพลิกศพระบุสาเหตุการตายว่า หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ทราบจากพนักงานสอบสวนว่า เขามีหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้อยู่ แต่ตนไม่ทราบรายละเอียด ส่วนที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน ที่ทราบคือเรื่องการกู้ยืมเงิน แอมยืมเงินลูกสาวตนไป 2 ครั้ง 50,000 บาทและ 100,000 บาท และมีกุญแจบ้านที่นครปฐม สูญหายไปแล้วก็ทรัพย์สินบางอย่างภายในบ้านหายไป เท่าที่ทราบมีเพียงเท่านี้

ฆ่าก้อย ป.ระบุแอมทำคนเดียว

อีกด้านหนึ่ง ที่ห้องประชุมกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เมื่อเวลา 12.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยความคืบหน้าคดี นางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ วางยาฆ่าชิงทรัพย์ น.ส. ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย เท้าแชร์สาวชาว จ.กาญจนบุรี อายุ 33 ปี ที่ท่าน้ำ จ.ราชบุรี ว่า วันนี้มีการประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดี คืบหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงผลตรวจหลักฐานบางอย่าง ในส่วนคดี น.ส.ศิริพร หรือก้อย หลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้ผู้ก่อเหตุมีแค่นางสรารัตน์ หรือแอม เพียงคนเดียว ยังไม่พบหลักฐานผู้อื่นร่วมกระทำผิด จากการสอบปากคำพยานทั้ง 5 คน เมื่อวานที่ผ่านมา ค่อนข้างเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี สามารถมองเห็นทิศทาง รูปแบบการกระทำผิดมากขึ้นกว่าเดิม

ยังไม่พบอดีตผัวตำรวจร่วมมือ

พ.ต.อ.เอนกกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการออกหมายจับคดีอื่นๆ ทราบว่าตำรวจท้องที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมา ตำรวจกองปราบฯและตำรวจพื้นที่มีการประสานข้อมูลพยานหลักฐานร่วมกันมาโดยตลอดจนทำให้คดีรุดหน้าไปมาก ส่วนกรณีกระแสข่าวว่า รอง ผกก. อดีตสามีนางสรารัตน์ มีส่วนร่วมกระทำผิดด้วยนั้น เป็นเรื่องที่คาดเดากันไปเอง จากข้อมูลพยานหลักฐานในตอนนี้ยังไม่พบข้อมูลการร่วมกระทำผิด

ลั่นผัวแอมเป็นใครก็ช่วยไม่ได้

เมื่อถามว่า กรณีปรากฏคลิปรอง ผกก. อดีตสามีนางสรารัตน์ พยายามเจรจากับเหยื่อที่ถูกนางสรารัตน์โกงเงินหวยทิพย์ จนมีการตั้งข้อสงสัยจากสังคมว่า อดีตสามีรับรู้ถึงพฤติกรรมการกระทำผิดที่ผ่านมาของนางสรารัตน์ และยังคงให้การช่วยเหลือหรือไม่เพราะเกรงจะส่งผลต่อรูปคดี ในส่วนนี้ พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า พอรับทราบข้อมูลอยู่บ้าง แต่ต้องขอเวลาตรวจสอบให้แน่ชัด ขอให้สังคมมั่นใจว่า ไม่ว่าอดีตสามีนางสรารัตน์จะเป็นใครก็ไม่สามารถให้การช่วยเหลือทางคดีนี้ได้ เพราะกองปราบยึดพยานหลักฐานข้อเท็จจริงเป็นที่ตั้ง

ใช้คดีก้อยเป็นโมเดลตำรวจท้องที่

รอง ผบก.ป.กล่าวอีกว่า สำหรับคดีในส่วนของกองปราบปรามที่รับผิดชอบอยู่ขณะนี้มีเพียงคดีของ น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ เพียงคดีเดียวคืบหน้าไปมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว ขณะนี้เหลือเพียงเก็บรายละเอียดต่างๆมาประกอบเพื่อทำให้สำนวนมีความแน่นหนามากขึ้น รวมทั้งจะเป็นแนวทางให้ตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุแต่ละคดีนำไปเป็นกรอบแนวทางในการคลี่คลายคดี ส่วนคดีไหนที่ไม่มีร่างผู้เสียชีวิตอยู่แล้วนั้น มีแนวทางการทำงานตามขั้นตอนอยู่แล้วว่าจะต้องสืบสวนสอบสวนอย่างไร

รอง ผกก.ผัวเก่าปัดคุยเรื่องแอม

ขณะที่ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตรอง ผกก.สภ.บ้านโป่ง อดีตสามีแอม เปิดเผยผ่านโทรศัพท์สั้นๆเพียงว่า ไม่ขอพูดถึงเรื่องคดีอดีตภรรยาแล้ว เพราะเคยให้ข้อมูลไปมากพอสมควรแล้วและยังยืนยันคำเดิมจะไม่มีการช่วยเหลืออดีตภรรยาเด็ดขาด และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภรรยาในการก่อเหตุ ตอนนี้ขอเคลียร์เรื่องเอกสารลูกทั้งสองคนที่มีกับแอมก่อน

คำสั่งใหม่ย้ายกลับภูธรจังหวัด

มีรายงานว่า มีคำสั่งย้าย พ.ต.ท.วิฑูรย์ให้มาช่วยราชการที่ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี โดยขาดจากตำแหน่งเดิม และยกเลิกคำสั่งให้ย้ายไปเป็นพนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง จากการตรวจสอบพบว่า พ.ต.ท.วิฑูรย์ได้ทำงานอยู่บริเวณชั้น 3 ซึ่งเป็นกลุ่มงานเกี่ยวกับกลุ่มงานสอบสวน แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีแอม เพื่อรอผลสอบสวนว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุของอดีตภรรยาหรือไม่ โดยให้ พ.ต.ท.วิฑูรย์เข้ามาเซ็นชื่อเข้าทำงานทุกวัน เพื่อรายงานตัว นอกจากนี้ยังพบว่าหน้าตึกประชุมตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี พบรถเก๋ง ฮอนด้าซีวิค สีดำ ทะเบียน กข 5665 สุโขทัย ของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ จอดอยู่ โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเคยได้นำรถคันนี้ไปตรวจสอบแล้วก่อนมอบคืนให้ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ได้กลับมาใช้งาน

จับคนวางยาต้องใช้วิทยาศาสตร์

วันเดียวกัน นายแพทย์ศราวุฒิ สุจริตธรรม โฆษกสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เผยว่า หากผู้ป่วยดื่มสารละลายที่มีไซยาไนด์จะเกิดภาวะพิษขึ้นได้ อาการจะเกิดขึ้นรวดเร็วในเวลาไม่กี่นาที เริ่มจากอาการทางสมองมีอาการชักหมดสติอย่างรวดเร็ว ตามด้วยความดันโลหิตต่ำ ชีพจรเต้นเร็ว หากไม่ได้รับการรักษาจะเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว การก่ออาชญากรรมด้วยพิษจากไซยาไนด์อาจทำให้สืบหาผู้กระทำความผิดมีความยากลำบาก ในการสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงแห่งคดีและนำผู้กระทำความผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต้องนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสนับสนุนงานยุติธรรมนิติวิทยาศาสตร์ (Forensic Science) เป็นองค์ความรู้ที่ใช้ควบคู่กับกระบวนการยุติธรรมผ่านวิทยาการทางการแพทย์และการสืบสวนสอบสวนประกอบกับการพิสูจน์พยานหลักฐานด้วยหลักวิทยาศาสตร์ เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

จัดสัมมนาออนไลน์ให้ความรู้

นายแพทย์ศราวุฒิกล่าวต่อว่า สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สชวท.) กำหนดจัดเสวนา ในวันที่ 2 พ.ค.66 ผ่านระบบออนไลน์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการตรวจหาพยานหลักฐานในการดำเนินคดีอาญา ด้วยการใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ตรวจหาพิษจากสารไซยาไนด์ ให้ความรู้แก่สมาชิกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประชาชนและผู้สนใจทั่วไป ขอเชิญประชาชนและผู้สนใจร่วมรับฟังการเสวนาเรื่อง

“การตรวจหาพิษสารไซยาไนด์อาชญากรไร้เงา” ในวันที่ 2 พ.ค.66 เวลา 13.30 -15.00 น. ผ่านระบบออนไลน์ (Zoom Cloud Meetings) Meeting ID : 973 7087 2120 Passcode : 453745

สั่งยุติธรรมจังหวัดแจ้งสิทธิเหยื่อ

ขณะที่นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า นางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม สั่งการเร่งให้ความช่วยเหลือกรณีดังกล่าว ส่งผลให้มีทายาทผู้เสียหายที่เคยรู้จักหรือใกล้ชิดผู้ต้องหาเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเป็นจำนวนมาก กระทรวงยุติธรรมได้แจ้งให้สำนักงานยุติธรรมจังหวัดในพื้นที่เกิดเหตุ ลงพื้นที่แจ้งสิทธิ รับคำขอและพิสูจน์สิทธิผู้เสียหายในคดีอาญา โดยจะให้ความช่วยเหลือเยียวยา หากผู้เสียหายได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิต ร่างกาย จากการกระทำ ความผิดอาญาของผู้อื่น โดยที่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนผู้เสียหาย ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559

มีกองทุนช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย

สำหรับค่าตอบแทนมีดังนี้ 1.กรณีเสียชีวิต 1.1 ค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตาย 50,000 บาท 1.2 ค่าจัดการศพ 20,000 บาท 1.3 ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู 40,000 บาท 1.4 ค่าเสียหายอื่น 40,000 บาท รวม 150,000 บาท (เนื่องจากเป็นกรณีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ประชาชนให้ความสนใจ) 2.กรณีบาดเจ็บ 2.1 ค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 40,000 บาท 2.2 ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพฯ เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท 2.3 ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ฯ ให้จ่ายในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่จังหวัดที่ไม่อาจประกอบการได้ตามปกติ ไม่เกิน 1 ปี 2.4 ค่าตอบแทนความเสียหายอื่น ไม่เกิน 50,000 บาท ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมมีกองทุนยุติธรรมที่จะช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องให้แก่ผู้เสียหายและญาติผู้เสียชีวิต เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าตรวจพิสูจน์ ค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมเอกสาร ติดต่อได้ที่ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานยุติธรรม จังหวัดทุกแห่ง หรือทางแอปพลิเคชัน “ยุติธรรมใส่ใจ (Justice Care)”