รพี เตรียมเปิดหลักฐานใหม่ที่เชื่อมโยงแอม หลังพบบัญชีเงินฝากของผู้ตายรายหนึ่งที่กาญจนบุรี มีการเคลื่อนไหวหลายแสนบาท พร้อมลั่นไม่รับ 5 หมื่นจากอัจฉริยะหวั่นผิดอุดมการณ์ช่วยเหลือสังคม

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 พ.ค. 66 ที่สมาคมพนักงานสอบสวน สโมสรตำรวจ นายรพี ชำนาญเรือ ผู้ประสานงานญาติผู้เสียชีวิตในคดีแอม ไซยาไนด์ เดินทางเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมกับคณะทำงานชุดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ในฐานะผู้ดูแลคดี สะเทือนขวัญ กรณีร่างของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย อายุ 32 ปี เท้าแชร์ ชาว จ.กาญจนบุรี ที่ยังเก็บรักษาไว้อยู่ ว่าสามารถนำไปประกอบพิธีการทางศาสนาได้หรือไม่ หากมีผลออกมาเช่นไรจะแจ้งให้สื่อมวลชนและประชาชนทราบอีกครั้ง

นายรพี กล่าวว่า วันนี้จะเดินทางไปยัง จ.กาญจนบุรี เพื่อไปรับหลักฐานสำคัญ ซึ่งเป็นหลักฐานด้านการเงินของผู้เสียชีวิตรายหนึ่งที่เชื่อมโยงกับนางแอม เบื้องต้นพบว่าเจ้าของบัญชีดังกล่าวเสียชีวิตไปแล้ว แต่บัญชียังมีความเคลื่อนไหว วงเงินหลายแสนบาท ทั้งยังพบบุคคลที่ทำธุรกรรมไม่ใช่ญาติพี่น้อง เพื่อจะนำมามอบให้กับพนักงานสอบสวนต่อไป

...

ส่วนคดีของนางสาวทราย มณฑาทิพย์ เหยื่อรายที่ 15 หลังตำรวจรับเรื่องร้องทุกข์ ที่มารดาเข้าพบพนักงานสอบสวนที่สโมสรตำรวจวันนี้ อยากให้ไปติดตามหาหลานสาวของนางสาวทราย หลังทราบว่า มีเอกสารบางอย่างที่นางแอมลงลายมือไว้ว่าเป็นผู้จัดการมรดก แล้วมีข้อมูลว่าเคยยื่นเอกสารชิ้นนี้ให้กับสามีชาวต่างชาติของนางสาวทราย ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อข้อมูลและพยานหลักฐาน ในข้อเท็จจริงของคดีนี้

ขณะเดียวกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมามอบกระเช้าและเงินสดจำนวน 50,000 บาทให้กับ นายรพี โดยระบุว่า มอบให้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เชื่อว่าต้องเดินทางไปอีกหลายที่ และกระเช้ามอบให้เพื่อบำรุงร่างกายในการต่อสู้คดี ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นเงินที่รวบรวมจากแฟนคลับในชมรมและเงินส่วนตัวของตนเอง เพื่อเป็นกำลังใจให้บุคคลตัวอย่างที่เก่ง กล้า ไม่เพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหากไม่มีนายรพีก็ไม่รู้ว่านางแอมจะไปฆ่าคนอีกจำนวนเท่าไร

ด้านนายรพี ปฏิเสธไม่ขอรับเงินเนื่องจากกังวลว่าจะผิดต่ออุดมการณ์ ที่เคยประกาศตัวว่าจะอุทิศตัวช่วยเหลือสังคมที่ไม่ได้รับความถูกต้อง การช่วยเหลือสังคมในวันนี้ตนเองไม่ใช่ฮีโร่ แต่อยากทำความจริงให้ปรากฏเพื่อให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นในสังคมไทย.