“พยาบาลนก” เข้าให้ปากคำกองปราบฯแล้ว แฉ “แอม” เคยมาหลอกถามเรื่องคนตายเพราะหัวใจล้มเหลวแพทย์ ต้องทำอย่างไร ตำรวจเชื่อเหมือนหาช่องทางหนีทีไล่ ขณะที่รอง ผบก.ป.เผยยอดเหยื่อฝีมือ “แอม” ถึงตอนนี้มี 14 ศพ รายล่าสุดเป็นสาวชาวกำแพงเพชร เสียชีวิตเมื่อปี 58 หลังแอมไปรับที่สนามบิน ด้านดาบตำรวจ ตม.สามี “หนิม” ให้ข้อมูลเพิ่ม ตำรวจมุกดาหาร เปิดชื่อ “อ้อม” ตัวละครใหม่ ซัดก่อน “หนิม” ตาย “แอม” แนะนำให้รู้จักร่วมหุ้นค้าน้ำมันพืชสุดท้ายถูกโกง มั่นใจทั้งคู่เกี่ยวพันกัน โฆษกสถาบันนิติวิทยาศาสตร์แนะญาติติดใจการตายขอชันสูตรซ้ำได้
จากคดีที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับสังคม กรณีตำรวจกองปราบฯจับกุมนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 36 ปี สาวท้องวัย 4 เดือน ในคดีใช้สารไซยาไนด์วางยาฆ่า น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ อายุ 32 ปี เท้าแชร์ชาว จ.กาญจนบุรี วูบดับที่ท่าน้ำราชบุรี เมื่อวันที่ 14 เม.ย.66 ต่อมาพบว่ามีเหยื่อที่สนิทสนมใกล้ชิดแอม ไม่ว่าจะร่วมเล่นแชร์ ร่วมปล่อยกู้ จำนำที่ดิน-รถยนต์ ล้วนเสียชีวิตในลักษณะเดียวกันถึงขณะนี้รวม 13 ศพ มีผู้รอดชีวิต 1 ราย แต่การสืบสวนเชื่อว่ามีมากกว่านั้น เพราะเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินแอมย้อนหลัง 3 ปี พบผู้เสียชีวิตหลังจากโอนเงินให้ “แอม ไซยาไนด์” ไม่นานมากถึง 20 ศพ คดีที่ตำรวจพบหลักฐานชัดเจนออกหมายจับได้ขณะนี้มี 3 คดี คดีแรกเป็นคดีฆ่า น.ส.ศิริพร หรือก้อย หมายจับที่ 2 วางยาฆ่า สารวัตรปู-พ.ต.ต.หญิง นิภา แสนจันทร์ เสียชีวิตวันที่ 1 เม.ย.66 ที่พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม และหมายจับที่ 3 น.ส.รสจรินทร์ นิลห้อย หรือเจ๊น้อยผัก เสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 ขณะที่ตำรวจหลายหน่วยอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมออกหมายจับแอมเพิ่มเติมตามที่เสนอข่าวไปนั้น
...
พยาบาลเพื่อนแอมปัดคุยสื่อ
ความคืบหน้าล่าสุดในคดีวางยาฆ่าต่อเนื่อง เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 เม.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.นก (นามสมมติ) พยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพื่อนสนิทนางสรารัตน์ หรือ แอม ไซยาไนด์ เข้าพบ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. เพื่อให้รายละเอียดในประเด็นข้อสงสัยต่างๆที่แอมเคยไปปรึกษาอาการป่วยตัวเอง และอาการป่วยของผู้ป่วยโรคหัวใจ ทั้งนี้ น.ส.นกขอไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ไปรอทำข่าว ให้เหตุผลว่าเกรงจะไม่ได้รับความปลอดภัย ก่อนจะเดินขึ้นอาคารกองบังคับการปราบปรามไปพบพนักงานสอบสวน
รอง ผบก.ป.ระบุยอดเหยื่อ 14 ศพ
ต่อมาเวลา 12.00 น. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากฝีมือ “แอม” มีทั้งหมด 14 ศพ มีผู้รอดชีวิต 1 ราย แต่กำลังรอพิสูจน์ผู้เสียชีวิตรายอื่นเพิ่มเติมว่ามีความเกี่ยวข้องหรือไม่ ขณะนี้ตำรวจได้ขอศาลออกหมายจับแอมทั้งหมด 3 หมาย เป็นคดี น.ส.ก้อย คดีสารวัตรปู และคดีเจ๊น้อยผัก นอกจากนี้ได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้ 11 คดี ล่าสุดเป็นคดีในกรุงเทพฯ ที่แม่ของเหยื่ออยู่ จ.กำแพงเพชร และกำลังรอรวบรวมข้อมูลเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป
ยังไม่พบผู้ร่วมกระทำผิด
พ.ต.อ.เอนกกล่าวต่อว่า วันนี้ได้เรียกสอบปากคำพยาบาล รพ.แห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี เป็นพยานที่เคยพูดคุยกับแอมรวมถึงนายกอลฟ์ และญาติน.ส.ศิริพร หรือก้อย ที่เสียชีวิตเพื่อให้ข้อมูลเรื่องเส้นทางการเงิน ขณะนี้ยังไม่พบบุคคลอื่นที่ร่วมกระทำผิด รวมถึงรอง ผกก.สอบสวน อดีตสามีแอม ก่อนหน้านี้สอบปากคำไปแล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้รู้เห็นถึงการกระทำผิดเพียงแต่อยู่กินด้วยกันเท่านั้น หากพบหลักฐานเพิ่มเติมอาจต้องรียกมาสอบปากคำอีกครั้ง
คดีก้อยคืบหน้าไป 80%
รอง ผบก.ป.กล่าวต่อว่า แผนประทุษกรรมผู้ต้องหาพบว่าเจ้าตัวอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจของเหยื่อ ก่อนจะลวงไปทำบุญ ทานข้าวดื่มกาแฟ แม้คดีนี้จะมีผู้เสียหายจำนวนมาก แต่ไม่จำเป็นต้องจะมีผู้ร่วมกระทำผิดหลายราย ส่วนเรื่องคดีความได้กระจายให้แต่ละท้องที่ดำเนินการ สำหรับคดี น.ส.ก้อย
ขณะนี้ยังไม่กำหนดเวลาว่าจะสรุปสำนวนเมื่อใด เพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมรอบคอบที่สุด เนื่องจากเป็นคดีที่กระทบต่อความรู้สึกของสังคมและประชาชนให้ความสนใจเป็นพิเศษ ยืนยันตำรวจทำงานต่อเนื่องทุกวัน ถึงขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์
“นก” เผย “แอม” มาหลอกถาม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับวันนี้พนักงานสอบสวนกองปราบฯนัดพยานมาให้ข้อมูลทั้งสิ้น 5 ราย 1 ในพยานคือ น.ส.นก พยาบาลเพื่อนสนิทแอม การให้ข้อมูลวันนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทำให้รู้ว่า ที่ผ่านมาแอมเคยมาสอบถามลักษณะทำนองว่า ถ้าเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลว แพทย์ต้องทำอย่างไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง โดยมาหลอกถามก่อนและหลังที่จะลงมือกับเหยื่อประมาณ 3-4 เคส เหมือนหาช่องทางหนีทีไล่ไว้เพื่อเอาตัวรอด ระหว่างที่ยังติดต่อกันยังนำรูปถ่ายตอนไปร่วมงานศพ น.ส.ผุสดี สามบุญมี หรือครูอ๊อด ที่เสียชีวิตมาให้ดู พร้อมขอยืมเงิน 5 หมื่น เพื่อนำไปช่วยเหลือ แต่ น.ส.นกงานยุ่งอยู่เลยไม่ได้ให้ยืม
...
สาวกำแพงเพชรเหยื่อรายที่ 14
ส่วนรายชื่อเหยื่อที่เพิ่มเข้ามาล่าสุดเพื่อให้ตำรวจตรวจสอบว่า เข้าข่ายเป็นเหยื่อแอมหรือไม่คือกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.มณฑาทิพย์ หรือทราย ขาวอินทร์ อายุ 37 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.ค.58 หลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศ มาเสียชีวิตที่ กทม. สำหรับ น.ส.มณฑาทิพย์ หรือทราย เป็นเพื่อนสนิทแอมอีกคนเคยถูกขอยืมเงินอยู่บ่อยครั้ง ครั้งละประมาณ 5 หมื่นบาท ก่อนเสียชีวิตได้ไปอยู่กินกับสามีที่ต่างประเทศ เมื่อกลับมาประเทศไทย แอมอาสาไปรับที่สนามบินเพื่อมาส่งบ้าน จากนั้นไม่นานทรายได้เสียชีวิตลง มีทั้งบ้านและทรัพย์สินจำนวนมากสูญหายไป และระหว่างที่จัดงานศพแอมไม่เคยมาร่วมงานเลย สำหรับเรื่องนี้ยังไม่มีการแจ้งความ ต้องรอให้ญาติมาแจ้งความร้องทุกข์เสียก่อน แต่ทั้งนี้ต้องดูอีกว่าทั้งบ้านและทรัพย์สินที่หายไปนั้น หลังเสียชีวิตได้จัดตั้งผู้จัดการมรดกหรือไม่ หรือทรัพย์สินโอนถ่ายไปให้ผู้ใด ถึงจะรู้ว่าแอมมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับแค่ 3 หมายจับ แต่ทั้งนี้พนักงานสอบสวนตามท้องที่ต่างๆได้สืบสวนสอบสวนแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลมีความเกี่ยวข้องกับแอมรับเรื่องเป็นเลขคดีรวม 10 คดี ระหว่างนี้ต้องรอรวบรวมพยาน หลักฐานทั้งหมดเสียก่อน ถึงจะสามารถออกหมายจับแอมได้ต่อไป
ด.ต.สามี “หนิม” ให้การเพิ่ม
ส่วนกรณี น.ส.สาวิตรี หรือหนิม บุตรศรีรักษ์ ที่คาดว่าเป็นเหยื่ออีกรายของ “แอม ไซยาไนด์” เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 พ.ย.63 หลังแอมส่งยาลดน้ำหนักมาให้กิน วันเดียวกันนี้ ที่ สภ.เมืองมุกดาหาร ด.ต.นิติพนธ์ นุชิต หรือดาบตาร์ ตำรวจ ตม.บึงกาฬ สามี น.ส.สาวิตรี ผู้ตาย เดินทางมาให้ปากคำกรณีภรรยาเสียชีวิตอย่างปริศนากับพนักงานสอบสวน โดยเผยว่า วันนี้มาให้ปากคำเพิ่ม อยากให้ทุกคนได้รับรู้อีกครั้งว่าก่อนที่หนิมจะเสียชีวิต มีปัญหาเรื่องถูกโกงเรื่องค้า ขายน้ำมันพืช โอนเงินไปแล้วไม่ได้รับของถูกโกงไป 40,000 บาท คนที่โกงเป็นเพื่อนแอม ชื่ออ้อม
...
ก่อนตายแอมแนะนำอ้อมให้รู้จัก
ด.ต.นิติพนธ์กล่าวต่อว่า ลักษณะการโกงคือแอมแนะนำให้หนิมรู้จักอ้อม ก่อนจะบอกว่ามีน้ำมันพืชราคาถูกขาย คิดว่าต้องเชื่อมโยงกันแน่นอน เมื่อภรรยาเสียชีวิต แอมโทร.มาแสดงความเสียใจบอกว่าเรื่องค่าน้ำมันที่ถูกโกงจะให้ลูกน้องสามีที่เป็นตำรวจติดตามให้ อยากให้สืบสวนขยายเรื่องดังกล่าวด้วยว่า อ้อมกับแอมเกี่ยวข้องกันในเส้นทางการเงินหรือไม่ เพราะเมื่อติดต่อหาอ้อมผู้ที่โกงเงินค่าน้ำมันพืช อ้อมบอกว่าได้รับการประสานจากแอมให้โอนเงินที่เป็นหนี้หนิมให้ตนเลย เพราะหนิมก็เป็นหนี้แอม จะได้หักลบกลบหนี้กัน
“ส่วนตัวรู้สึกไม่โอเคเลยที่ “แอม” จะไม่ได้รับโทษสูงสุด เพราะแต่ละเคส “แอม” ไม่รับสารภาพ แต่สุดท้ายมีหลักฐานยืนยัน ดังนั้น เขาก็ไม่ควรที่จะได้รับการเห็นอกเห็นใจจากกระบวนการยุติธรรม ข่าวลือที่ออกมาว่า “แอม” ฆ่าไปแล้ว 30 ศพนั้น ยอมรับว่าเชื่อเพราะมันมีมูล”
ตำรวจส่งยาแคปซูลให้ อ.อ๊อดตรวจ
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. พ.ต.ท.สมหวัง พานแก้ว รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองกาญจนบุรี ออกหนังสือที่ ตช 0022 (กจ).34/2875 เรื่องขอความอนุเคราะห์ตรวจวิเคราะห์พยานวัตถุ ถึงอธิบดีมหา วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน พร้อมกับสิ่งที่นำมาตรวจ รวม 7 รายการ ประกอบด้วย 1.ยาแคปซูล สีเหลือง บรรจุซองสีน้ำตาล 1 ห่อ 2.ยาชนิดแคปซูลสีขาว บรรจุซองสีน้ำตาล จำนวน 2 ห่อ 3.ยาชนิดแคปซูลสีเขียว บรรจุซองสีน้ำตาล จำนวน 1 ห่อ 4.ยาชนิดแคปซูลสีขาว-ชมพู บรรจุถุงใส จำนวน 1 ห่อ 5.ยาชนิดแคปซูลสีเขียวเข้ม บรรจุถุงใส จำนวน 1 ห่อ 6.ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยี่ห้อ ชาร์มาร์ เบอร์เบอร์รี่ ไฟเบอร์ จำนวน 1 กล่อง 7.ยาเม็ด (ละลาย) บรรจุถุงใส จำนวน 1 ถุง
...
“แอม” ให้ “ปลา” กินอ้างแก้ไอ
สืบเนื่องด้วยเมื่อวันที่ 23 ก.ย.65 เวลา 18.00 น. นางสรารัตน์ หรือแอม ผู้ต้องหาโทรศัพท์มาหา น.ส.กานติมา หรือปลา แพสะอาด ผู้กล่าวหา นัดพบกันที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน กาญจนบุรี หมู่ที่ 9 ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี หลังพบปะสนทนากันแล้ว ผู้กล่าวหาไอ ผู้ต้องหาได้ให้ยาแคปซูล 1 เม็ด แจ้งว่าเป็นยาแก้ไอ น.ส.กานติมาทานยาดังกล่าวพร้อมดื่มน้ำที่ผู้ต้องหาซื้อมาให้ตามเข้าไป ต่อมาผู้ต้องหานัดพบผู้กล่าวหาอีกเพื่อไปรับประทานอาหารที่ร้านต้นประดู่ โดยแยกกับผู้ต้องหาขับรถยนต์ไปคนละคัน
แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก
ต่อมาผู้กล่าวหาแน่นหน้าอก หายใจไม่ออกโทรศัพท์ไปหาผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาแจ้งว่าขับรถออกไปทางผิด และจะไปทำธุระต่อรีบวางสายไป หนังสือระบุต่อว่า น.ส.กานติมา ผู้กล่าวหาเชื่อว่าผู้ต้องหานำสารพิษให้ดื่มและรับประทานเพื่อเจตนาฆ่าให้ตนถึงแก่ความตาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ สภ.เมืองกาญจนบุรี รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญาที่ 466/2566 และได้รับยาแคปซูลวัตถุพยานจากผู้กล่าวหาและผู้เสียหายรายอื่นพร้อมภาพถ่ายชี้ยืนยันซึ่งเป็นพยานหลักฐานสำคัญ จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์ตรวจพิสูจน์ยาแคปซูลวัตถุพยาน ตามสิ่งที่ส่งมาด้วย โดยนำมามอบให้กับ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะผู้ตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานเพื่อหาสารพิษไซยาไนด์เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดี
แพทย์ปั๊มหัวใจขึ้นเลยรอด
ทั้งนี้ น.ส.กานติมา หรือปลา แพสะอาด เป็นเหยื่อผู้รอดชีวิตเพียงรายเดียวที่ถูกแอมยืมเงิน 250,000 บาท เนื่องจากอดีตสามีปลาและแอม เป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.60 ด้วยกัน ทำให้รู้จักกัน เหตุเกิดเมื่อปลายเดือน ก.ย.65 เมื่อปลาป่วยเป็นโควิด-19 และหายจากอาการป่วย แอมได้นำยาสมุนไพรเป็นแคปซูลมาให้ปลาทาน อ้างว่าเป็นยาจากพี่สาว เภสัชกรมีร้านอยู่โพธาราม จ.ราชบุรี นำไปให้ เมื่อปลาทานยา เกิดหายใจไม่ออก มือชักเกร็ง โทรศัพท์หาแอม แต่แอมกลับบอกว่าหลงทาง ปลาจึงรีบโทรศัพท์แจ้ง 1669 ส่งรถกู้ชีพ (แอมบูแลนซ์) มาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งปลาหมดสติล้มลงขณะเดินขึ้นรถกู้ชีพ แพทย์ช่วยปั๊มหัวใจแต่ไม่พบสัญญาณชีพจร เมื่อฟื้นมาแพทย์แจ้งว่า ได้หมดลมหายใจไปแล้วตั้งแต่หน้าห้าง แต่แพทย์ปั๊มหัวใจได้สำเร็จทำให้รอดชีวิต
โฆษก สนว.แจงขั้นตอนปฏิบัติ
ส่วนกรณีมีคนตั้งข้อสงสัยเรื่องการชันสูตรศพ หลังเกิดเหตุวางยาไซยาไนด์ฆ่าต่อเนื่อง เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.ศราวุฒิ สุจริตธรรม โฆษกสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ (สนว.) กล่าวถึงแนวทางและมาตรฐานการชันสูตรศพของสถาบันนิติวิทยาศาตร์ จะเริ่มตั้งแต่การตรวจสถานที่เกิดเหตุ แพทย์และพนักงานสอบสวนโดยเป็นไปตามกฎหมาย ป.วิ อาญา มาตรา 150 ที่ได้กำหนดให้พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ที่ศพนั้นอยู่กับแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์ซึ่งได้รับวุฒิบัตร หรือได้รับหนังสืออนุมัติจากแพทยสภา ชันสูตรพลิกศพโดยเร็ว ตาม ป.วิ อาญา มาตรา 148 กำหนดให้มีการชันสูตรพลิกศพที่ตายโดยผิดธรรมชาติ อันได้แก่ 1.ฆ่าตัวตาย 2.ถูกผู้อื่นทำให้ตาย 3.ถูกสัตว์ทำร้ายตาย 4.ตายโดยอุบัติเหตุ 5.ตายโดยยังมิปรากฏเหตุ และรวมถึงการตายระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานปัจจุบันการปฏิบัติงานดังกล่าวข้างต้นของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้จัดทำมาตรฐานการชันสูตรศพและได้รับการประกันคุณภาพจากราชวิทยาลัย พยาธิแพทย์แห่งประเทศไทย
ข้อกำหนดต้องส่งชันสูตรเพิ่ม
โฆษกสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวต่อว่า ตามแนวทางการปฏิบัติ กำหนดให้แพทย์ต้องแจ้งพนักงานสอบสวนให้ส่งทั้งศพหรือบางส่วนไปชันสูตรเพิ่มเติมในกรณีดังต่อไปนี้ 1.ไม่สามารถระบุว่าผู้ตายเป็นใคร และการผ่าศพอาจช่วยในการระบุ 2.ศพที่เป็นโครงกระดูกหรือศพที่ไหม้เกรียม 3.การตายที่เกิดจากหรืออาจเกิดจากถูกผู้อื่นทำให้ตาย 4.การตายที่เกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ 5.การตายผิดธรรมชาติ ในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ 6.การตายในเด็กที่ไม่คาดคิดและไม่สามารถอธิบายได้ 7.การตายที่เกิดจากสารพิษ 8.การตายที่เกี่ยวข้องกับการจราจร 9.การตายที่เกิดจากการบาดเจ็บจากการทำงาน ไฟฟ้าดูด จมน้ำ โดยไม่มีผู้พบเห็น 10.ไม่สามารถระบุ หรือสันนิษฐานสาเหตุการตายได้ 11.มีผู้ใดผู้หนึ่งสงสัยในสาเหตุการตายหรือพฤติการณ์การตาย หรืออาจมีปัญหาเกี่ยวกับการได้รับผลประโยชน์ของผู้ตาย
ญาติติดใจตรวจชันสูตรซ้ำได้
โฆษกสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กรณีที่ผู้เสียชีวิตได้รับการชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุและเข้าข่ายในลักษณะดังกล่าวข้างต้น ศพจะได้รับการเคลื่อนย้ายมายังห้องผ่าชันสูตรศพ จะผ่าศพตรวจโดยละเอียด รวมถึงส่งตรวจชีววัตถุต่างๆ เช่น เลือด น้ำวุ้นลูกตา อาหารในกระเพาะอาหาร ปัสสาวะ เพื่อหาสารหรือยาที่อาจจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ทั้งนี้ เป็นไปมาตรฐานการชันสูตรศพ ได้การรับรองจากราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์ ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.การให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ.2559 มาตรา 5 (4) เปิดกว้างให้ญาติผู้เสียชีวิตที่ติดใจสาเหตุการตาย สามารถติดต่อขอรับการตรวจชันสูตรซ้ำได้ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โปร่งใส อำนวยความยุติธรรมและเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงยุติธรรมที่ได้มุ่งเน้นถึงกระบวนการที่ทำให้เกิดความยุติธรรมในสังคม