ลูกสาวร้องขอความเป็นธรรม แม่วัย 66 ปี ถูกรถดับเพลิงกู้ภัยฉุกเฉินมูลนิธิชื่อดังหาดใหญ่พุ่งชนเสียชีวิต ขณะขี่จยย.ในเขตชุมชน สุดท้ายโดนแจ้งข้อหาฝ่ายเดียว ส่วนคู่กรณีรอดไม่ถูกดำเนินคดี ล่าสุดตำรวจภูธรภาค 9 เตรียมตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริง
จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจาก ว่าที่ร้อยตรี ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความกลุ่มทนายใจดี ว่ามี นางสาวสภาภรณ์ สุนทรลีลานนท์ อายุ 36 ปี (ลูกสาว) ได้มาร้องทุกข์และขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน ว่า เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 เวลา 08.50 น. แม่ของตนเองชื่อ นางสาวอารีย์วรรณ สุนทรลีลานนท์ อายุ 66 ปี ได้ถูกรถดับเพลิงกู้ภัยฉุกเฉินของมูลนิธิชื่อดังหาดใหญ่ขับพุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะแม่ของตนเองกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ไปทำธุระ บริเวณถนนสวนศิริ จุติอนุสรณ์ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาช่วงค่ำ
ต่อมา ร.ต.ท.ภานุพงษ์ ณรงค์มนพ พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้แจ้งข้อกล่าวหาแม่ของตนเองฝ่ายเดียว โดยที่ตนเองไม่ทราบเลยว่าแม่ของตนเองที่เสียชีวิต กลายเป็นผู้ต้องหา หนำซ้ำยังมีการส่งเรื่องให้อัยการเพื่อเตรียมสั่งฟ้อง ซึ่งไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับทางคนขับรถดับเพลิงฉุกเฉินของมูลนิธิแต่อย่างใด
...
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สำนักงานกลุ่มทนายใจดี ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ตำบลทุ่งตำเสา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ได้พบกับ ว่าที่ร้อยตรี ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ประธานกลุ่มทนายใจดี และ นางสาวสุภาภรณ์ สุนทรลีลานนท์ พร้อมกับคลิปหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและกล้องหน้ารถ ซึ่งสามารถบันทึกเหตุการณ์ ขณะที่รถดับเพลิงฉุกเฉินของมูลนิธิชื่อดังหาดใหญ่ ชนกับแม่ของตนเองเข้าอย่างจัง พร้อมกับภาพอาการบาดเจ็บแม่ของตนเอง
จากการสอบถาม นางสาวสุภาภรณ์ สุนทรลีลานนท์ ได้เล่าว่า วันที่ 1 พ.ย. 65 เหตุเกิดประมาณเวลา 08.50 น. แม่ขี่รถประสบอุบัติเหตุตอนเช้าของวันที่ 1 พ.ย. 65 แล้วเสียชีวิตในช่วงค่ำของคืนนั้น แม่ขี่รถออกจากซอยสวนศิริ จะเลี้ยวขวาไปธนาครทีเอ็มบบี ตอนจังหวะที่แกจอดรถชะลอจะเลี้ยวขวาจากซอย รถฉุกเฉินสำหรับดับเพลิงที่ขนน้ำ 200 ลิตร พุ่งชนแม่
นางสาวสุภาภรณ์ เล่าต่อว่า ทีนี้พอแม่เสีย ทางมูลนิธิเขาก็ถามว่าคุณจะจัดงานศพที่ไหน ทางเราจึงบอกว่าจะไปวัดเกาะเสือ ตอนนั้นเขาก็ตอบกลับมาว่าไปที่ของเขาก็ได้นะ เดี๋ยวเขาจะช่วยดูแลให้ ซึ่งมันไกล ทางเราไม่สะดวก ส่วนเรื่องของคดี คือเราจะแจ้งตำรวจ ซึ่งตำรวจก็บอกว่าเราไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เราแจ้งไม่ได้ ต้องเป็นหน้าที่เขา ไม่ใช่หน้าที่เรา หลังจากนั้นเขาก็เรียกหน่วยพิสูจน์หลักฐานมา เขาก็บอกว่าช่วงนี้ต้องรอเอกสารหลักฐานมา เรารอมาประมาณ 3 เดือนกว่า หลักฐานอะไรก็มา เขาจึงบอกให้เราไปนั่งฟังเป็นพยาน เขาจะพิมพ์สำนวน แต่ในตอนที่เขาพิมพ์สำนวน ตำรวจเขาก็ไม่ได้บอกว่าจะตั้งแม่เราเป็นผู้ต้องหา ตอนที่เราไป คือเราเข้าใจว่าเราไปรับฟังเฉยๆ ว่าแม่เราเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต
ปรากฏว่าพอเรารู้สึกว่าทำไมมันช้าจัง ถ้าสมมติมันออกมาเป็นเลขคดีได้แล้วเราจะยื่นฟ้องร้องเองได้ เราก็เลยอยากจะเอาสำนวนมาฟ้องเอง เราจึงไปที่สำนักงานอัยการภาค 9 เพื่อจะไปคัดสำนวนมา เราก็เขียนไปว่าเราจะคัดสำนวนนะ ตอนนั้นเราอยากถามเหตุผลตำรวจว่า ทำไมถึงไม่ฟ้อง ตอนที่เราถามตำรวจว่าส่งเรื่องหรือยัง เขาบอกว่าเขาส่งเรื่องแล้ว และมีการถามต่อไปว่าฟ้องหรือไม่ฟ้อง คำตอบที่ได้คือผมไม่ได้ฟ้องนะ เราก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ฟ้องคู่กรณีของแม่
เราจึงไปถามที่สำนักงานอัยการ ท่านก็เล่าให้ฟังว่า คุณเข้าใจผิดนะ ที่ตำรวจไม่ฟ้อง คือ เขาเขียนสำนวนมาฟ้องแม่คุณว่าแม่คุณเป็นผู้ต้องหา แล้วอีกฝั่งหนึ่งเขาเป็นพยาน เราจึงบอกไป อ้าว ไม่เห็นทางตำรวจแจ้ง เราเลยบอกว่าตั้งแม่เราเป็นผู้ต้องหา ทั้งๆ ที่เรียกเราไปฟังสำนวนในฐานะของผู้เสียชีวิต
อยากจะขอความเมตตา คือถนนเป็นที่สาธารณะ แล้วทางที่ออกมามันเป็นทางกากบาทสี่เหลี่ยม มันเป็นทางให้รถชะลอทางแยก ทางโค้ง ทางเลี้ยว คือคุณต้องชะลอ ไม่ใช่ว่าคุณเหยียบเต็มที่ ถ้าคุณเหยียบเต็มที่คุณมีสิทธิเศษ คุณบอกว่าคุณเป็นรถกู้ชีพเป็นเปิดไซเรนได้ขอสัญญาณ แล้วขอถามหน่อยว่า ถ้าคุณใช้สิทธิพิเศษตรงนี้แล้วประชาชนใครจะมาปกป้อง ในเมื่อกฎหมายมันปกป้องเขาแล้ว ใครจะปกป้องเรา ในเมื่อเราเป็นประชาชนธรรมดา ทุกคนต้องใช้พื้นที่ถนนเหมือนกัน เราจะรู้ไหมว่าใครออกไป เด็กออกไปหรือเปล่า หรือผู้สูงอายุ คือมันเป็นเขตชุมชน คุณขับรถแบบนั้นคุณไม่เหยียบเบรกเลยหรือ
...
ที่สำคัญชนแม่เราจนเสียชีวิตไปแล้ว ทำไมยังกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องหาเพียงฝ่ายเดียว และอีกอย่างหนึ่งทำไมเขาถึงไม่ฟ้องฝ่ายตรงข้าม ทำไมเขาถึงเป็นพยาน เราไม่เข้าใจ แม่คือกระดูกหน้าหัก กระดูกซี่โครงหัก ท่านเจ็บทั้งตัวตั้งแต่เช้าก่อนจะจากไปช่วงค่ำ พอชนเสร็จก็ไม่มีใครออกมารับผิดชอบจนเราไปรู้เอง ถ้าเราไม่พยายามจะหาหลักฐานดิ้นรน เราก็จะไม่ทราบเลยว่าแม่เราเป็นผู้ต้องหา อีกฝ่ายเป็นพยาน ทั้งนี้อยากขอความเป็นธรรมและเมตตาด้วย ขอให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นกับครอบครัวเราด้วย
ต่อมาหลัง ว่าที่ร้อยตรี ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความกลุ่มทนายใจดี รับหนังสือร้องทุกข์พร้อมทำหน้าที่แทนนางสาวสุภาภรณ์ สุนทรลีลานนท์ อายุ 36 ปี ลูกสาวของ นางสาวอารีย์วรรณ สุนทรลีลานนท์ อายุ 66 ปี (ผู้เสียชีวิต) เดินทางไปยื่นหนังสือเพื่อขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 ที่ตึกบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 โดยมี พ.ต.อ.พงศ์รัตน์ ไพพรรณรัตน์ รอง ผบก.ภ.9 เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องทุกข์จาก นางสาวสุภาภรณ์ สุนทรลีลานนท์
ทางด้าน ว่าที่ร้อยตรี ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความกลุ่มทนายใจดี เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้พาผู้เสียหายเป็นบุตรของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุถูกรถของมูลนิธิชื่อดังหาดใหญ่ชนเสียชีวิต แล้วภายหลังทราบว่าทางคุณแม่ถูกดำเนินคดี ส่วนคู่กรณีอีกฝ่ายไม่ถูกดำเนินคดีเลย ทั้งๆ ที่แม่ของเขาเสียชีวิต ทำให้ลูกสาวรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบรวนการของพนักงานสอบสวนหรือไม่อย่างไร จึงมีการทำหนังสือร้องเรียนมายังท่านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 โดยมีท่านรองผู้การฯ พงค์รัตน์ เป็นตัวแทนรับหนังสือ และได้รับปากว่าจะดำเนินการสอบสวน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนในคดีนี้อย่างโปร่งใส ซึ่งทำให้ทายาทที่เป็นลูกสาวของผู้เสียชีวิตได้รับข้อมูลอย่างถูกต้องและชัดเจนยิ่งขึ้น
...
จากการตรวจสอบคลิปจากกล้องหน้ารถดับเพลิงฉุกเฉิน สามารถบันทึกเหตุการณ์ขณะที่คนขับรถได้ขับขี่ด้วยความเร็ว ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดเกิดเหตุ หลังรับแจ้งมีเหตุไฟไหม้ โดยบริเวณรอบๆ ก่อนถึงจุดที่ชนผู้เสียชีวิต พบว่าเป็นเขตย่านชุมชนใจกลางเมืองเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งมีคนพลุกพล่าน ก่อนที่คนขับรถจะพุ่งชนผู้เสียชีวิตอย่างจัง
ส่วนคลิปอีกมุมเป็นคลิปจากกล้องวงจรปิด พบว่าผู้เสียชีวิตได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนสวนศิริ พอถึงทางแยก ผู้เสียชีวิตก็ได้เลี้ยวขวาไปถนนอีกฝั่งอย่างระมัดระวัง ระหว่างเลี้ยวเกือบถึงถนนอีกฝั่ง จู่ๆ มีรถดับเพลิงฉุกเฉินของมูลนิธิขับมาด้วยความเร็วก่อนจะพุ่งชนเข้าอย่างจังจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา