“บิ๊กโจ๊ก” แถลงปิด 2 คดี จีนเทา คดีแรกฟัน 3 ข้อหา “หยู ซิน ฉี” ลวงผู้ประกอบ การเศรษฐีชาวจีนมาลงทุนในไทย ขุดบ่อล่อปลาออกค่าใช้จ่ายบินมาร่วมงานระดับชาติ และถ่ายรูปกับบุคคลสำคัญ อาทิ นายกรัฐมนตรี ไม่เว้นแม้แต่รองโจ๊ก ซ้ำอ้างเบื้องสูงทำนามบัตรระบุเป็นสมาชิกราชวงศ์กิตติมศักดิ์สร้างความน่าเชื่อถือ อีกคดี ทลายสมาคมเถื่อน “แก๊ง 14 เค” ตั้ง 2 สมาคมเถื่อนอยู่ในฝั่งธนฯและฝั่งพระนครไว้หลอกลวงคนจีนด้วยกัน เผยหัวโจกรู้แกวเผ่นหนีออกนอกประเทศไปได้ก่อนหน้า
รอง ผบ.ตร.แถลงปิดคดีแก๊งจีนเทาตั้งสมาคมหลอกคนจีนไทย เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มี.ค.ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมทีมงานสอบสวนสืบสวนร่วมแถลงข่าวปิด 2 คดีใหญ่ จับกุมดำเนินคดีนายหยู ซิน ฉี อายุ 60 ปี ชาวจีน แอบอ้างบุคคลมีชื่อเสียงรวมถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงผู้อื่นเข้ามาเป็นสมาชิกและเรียกเก็บเงินบริจาค อีกคดีดำเนินคดีกับแก๊งมาเฟียจีน 14 เค ตั้งสมาคมที่ผิดกฎหมายในไทยเพื่อมาประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย
คดีแรก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นการจับกุมนายหยู ซิน ฉี ชาวจีนผู้ก่อตั้งสมาคมมณฑลส่านซีสมาคมแห่งประเทศไทย ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 77/252 หมู่บ้านภัสสร 19 วัชรพล-วงแหวน เฟส 2 ซอย 52 แยกซอยจตุโชติ 17 แขวงออเงิน เขตสายไหม สมาคมดังกล่าวจะชักจูงแนะนำคนจีนมาร่วมลงทุนในกิจการภาคอุตสาหกรรมต่างๆในประเทศไทย อาทิ ธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และจิวเวลรี เครื่องประดับ แลกเปลี่ยนเงินตรา กลุ่มเป้าหมายเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีฐานะทางการเงิน ต้องการออกไปประกอบธุรกิจต่างประเทศ วิธีการชักจูงจะออกจดหมายเชิญเข้าร่วมการสัมมนา ประชุม เข้าชมนิทรรศการต่างๆ และออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้เพื่อสร้างความประทับใจ และความไว้วางใจให้กับกลุ่มคนจีน คือการเข้าร่วมกิจกรรมงานสำคัญระดับชาติของไทย ได้ถ่ายรูปร่วมกับบุคคลสำคัญ อาทิ สมาชิกราชวงศ์ นายกรัฐมนตรี บุคคลสำคัญอื่นๆรวมทั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก่อนนำรูปดังกล่าวไปใช้แอบอ้างสร้างความน่าเชื่อถือ ที่สำคัญนายหยู ซิน ฉี ยังทำนามบัตร ระบุว่าเป็นสมาชิกราชวงศ์กิตติมศักดิ์ และนำนามบัตรแจกจ่ายให้นักลงทุนชาวจีนอีกด้วย
...
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดเผยต่ออีกว่า สำหรับนายหยู ซิน ฉี เป็นบุคคลที่ถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดโปงพฤติกรรมแอบอ้างบุคคลสำคัญ หลอกคนจีนมาลงทุนในไทยและหมิ่นประมาทนายชูวิทย์ ก่อนนำหลักฐานส่งมอบให้ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ดำเนินคดี ต่อมาคดีนี้ถูกโอนให้ชุดเฉพาะกิจของตนดำเนินการ จากการสืบสวนของชุดเฉพาะกิจพบว่า คดีนี้มีตำรวจ ตม. ร่วมกระทำความผิดช่วยเหลือนายหยู ซิน ฉี ตั้งแต่เปิดทางให้เข้าไทยได้อย่างสะดวก แม้กระทั่งการต่อวีซ่า โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องดำเนินการ ขณะนี้ นายหยู ซิน ฉี ถูกควบคุมตัวอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยจะต้องรับโทษที่ไทยในข้อหาจัดตั้งสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต ความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ โดยพนักงานสอบสวนจะเตรียมแจ้งข้อหา ตามมาตรา 112 สัปดาห์หน้า และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหมิ่นประมาทนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เย็นนี้ ก่อนจะผลักดันกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศจีน เพราะจากหารือกับสถานเอกอัครราชทูตจีน ทางการจีนเห็นด้วยกับข้อหาที่ตำรวจไทยแจ้ง รวมทั้งยื่นคำร้องขอนำตัวกลับไปดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายจีน
ส่วนคดีที่ 2 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า เป็นการปิดคดีทลายสมาคมเถื่อนแก๊ง 14 เค หลอกลวงทรัพย์สิน หาผลประโยชน์จากคนไทยและคนจีน ชุดเฉพาะกิจสืบสวนพบว่า มีกลุ่มคนจีนจัดตั้งสมาคมเถื่อนภายใต้ชื่อสมาคม หง เหมิน 2 แห่ง สมาคมแรกคือสมาคมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโลก หง เหมิน มีนายป๋าย จ้าวฮุย อายุ 43 ปี เป็นประธานสมาคม ตั้งอยู่พื้นที่ย่านวังทองหลาง สมาคมที่สองชื่อ สมาคมพันธมิตร หง เหมิน โลก มีนายวุฒิ แซ่เหลียง อายุ 63 ปี ชาวไทย เป็นประธานสมาคมประจำสาขาไทยอยู่ในพื้นที่ย่านบางขุนเทียน จับได้เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ส่ง สน.ท่าข้าม ดำเนินคดี
รอง ผบ.ตร.เปิดเผยอีกว่า จากการตรวจสอบของกรมการปกครอง พบว่าทั้ง 2 สมาคมไม่ได้มีการจัดตั้งสมาคมอย่างถูกต้อง จากการตรวจค้น เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบพยานหลักฐานจำนวนมาก ได้ออกหมายจับนายป๋าย จ้าวฮุย เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย แต่นายป๋าย จ้าวฮุย ไหวตัวทันหลบหนีออกนอกประเทศไปก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานระหว่างทางการไทยและจีน เพื่อตรวจสอบว่าหลบหนีไปอยู่ที่ใด ซึ่งนายป๋าย จ้าวฮุย เป็นบุคคลหนึ่งที่ทางการจีนต้องการตัว อย่างไรก็ตาม ทั้งคดีมณฑลส่านซี สมาคมแห่งประเทศไทยของนายหยู ซิน ฉี และสมาคมหง เหมิน ของนายป๋าย จ้าวฮุย ทั้งสองคดี ไม่มีเจ้าทุกข์แจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากเป็นคดีจีนเทาหลอกจีนเทา และจีนดำหลอกจีนดำ ทำให้คดีนี้ไม่มีผู้เสียหาย