พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ยันปฏิบัติการจับกุม "สารวัตรคลั่ง" เป็นไปตามยุทธวิธี ชี้การเจรจาล้มเหลวไม่สามารถหยุดยั้งได้ ต้องใช้กระสุนจริง พร้อมระบุ ผู้ก่อเหตุไม่เครียดจากเรื่องงาน ขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัว

กรณี พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี หรือสารวัตรกานต์ สังกัด ศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล มีอาการทางจิตคลุ้มคลั่งกระหน่ำยิงปืนออกมาจากบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น เลขที่ 2/269 หมู่บ้านมั่งคง เลียบคลองสอง สามัคคี ซอยจีระมะกร แยกซอยสายไหม 46 แขวงและเขตสายไหม กทม. เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมนาน 27 ชม. ก่อนหน่วยอรินทราชจะบุกเข้าจับกุมยิงตอบโต้กันดุเดือด ผู้ก่อเหตุถูกยิง 6 นัด กระโดดหนีออกทางหน้าต่างชั้น 2 หลังบ้าน เจ้าหน้าที่ตามตะครุบไว้ได้นำส่ง รพ.ภูมิพล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีปฏิบัติการพิเศษจู่โจมจับกุมตัว สารวัตรกานต์ เป็นเหตุให้เสียชีวิตภายหลังว่า ผลการปฏิบัติพอใจหรือไม่ ผมไม่อยากตอบ แต่ขอแสดงความเสียใจกับญาติของผู้สูญเสียมากกว่า ตกใจเหมือนกันหลังทราบข่าวเพราะการเข้าจับกุมเป็นการเข้าควบคุมสถานการณ์ เราต้องการทำเพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานและผู้ก่อเหตุ กระทั่งมาทราบว่าเกิดการสูญเสีย ก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามยุทธวิธี เพราะได้รับแจ้งเหตุตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ได้มีการเข้าดำเนินการปิดล้อมพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ บก.น.2 ต่อมาได้มี พล.ต.ธ.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.เข้าไปควบคุมการปฏิบัติ มีการวางแผนการทำงานร่วมกับหมอจากกรมสุขภาพจิตเข้าไปช่วยการวางแผนเจรจาปิดล้อมพื้นที่ นำประชาชนใกล้เคียงออกไปพักอาศัยด้านนอก พยายามดำเนินการทุกมิติ เราพยายามลดการสูญเสียทั้ง 2 ฝ่าย เหตุการณ์ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ มีการเข้าดำเนินการก่อนรุ่งสาง แต่ไม่เรียบร้อย ส่วนหนึ่งจากการเข้าดำเนินการได้รับคำแนะนำจากหมอ เพราะจากการดูจากสภาพต่างๆ ยากต่อการเจรจา การเจรจาน่าจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เรายังพยายามหาโอกาสเจรจา และจากการเข้าพื้นที่ผมได้มีโอกาสเจรจากับตำรวจคนดังกล่าวจนทราบว่าไม่น่าจะเจรจาได้แล้ว โดยผู้ก่อเหตุบอกไม่วางปืนเด็ดขาดจึงยากที่จะคุยจึงเข้าปฏิบัติการจับกุม

...

“การสั่งการเป็นไปตามแผนกรกฎ โดยเป็นอำนาจของเจ้าของพื้นที่ คือผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 โดยมีตัวผม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.ท.สำราญ ร่วมชี้แนะสนับสนุนการทำงาน ส่วนการใช้กระสุนจริง เมื่อผู้ก่อเหตุใช้กระสุนจริง เจ้าหน้าที่ก็ต้องใช้กระสุนที่มีลักษณะที่เท่าเทียมกัน เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน แต่เราก็มีกระสุนยาง ปืนไฟฟ้าเตรียมไว้ในกรณีที่เราสามารถหยุดยั้งอาวุธปืนเข้าได้ แต่ขณะเกิดเหตุเราได้รับรายงานจากชุดปฏิบัติการพิเศษว่าไม่สามารถหยุดยั้งได้ จึงต้องใช้ยุทธวิธีตามขั้นตอนมาตรการตามสัดส่วนความจำเป็นเพราะเจรจาไม่เป็นผลแล้ว” ผบ.ตร.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การใช้เวลาในการควบคุมสถานการณ์นานเกินไปหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เผยว่า ตอบไม่ได้ว่านานเกินไปหรือไม่ แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ทำดีที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่แทบไม่ได้นอนเพราะต้องดูตามสถานการณ์ตลอด เจ้าหน้าที่ทำเต็มที่ ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากสภาวะจิตที่ไม่ปกติ ได้รับรายงานจากหัวหน้าของสารวัตรกานต์ ว่า เมื่อได้รับการแต่งตั้งมาทำงานด้านการข่าวก็สามารถทำงานได้ แต่มีลักษณะพิเศษด้านอื่น แต่ยังไม่มีอะไรที่ผิดปกติ แต่ 5 วันก่อนเกิดเหตุ เขาไม่มาทำงาน มีการเล่นไลน์ลักษณะแปลกๆ ทางหัวหน้าได้ดำเนินการไปตามแนวทางนโยบาย ตร. เมื่อเห็นลูกน้องมีอาการผิดปกติ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและประสานทาง รพ.ตำรวจ แต่ติดต่อไม่ได้จึงไปพบที่บ้านเพื่อนำไปรักษา โดยนัดแนะกับ รพ.ตำรวจแล้ว และเพิ่งทราบว่าเขาเคยรักษาตัวที่ จ.เชียงใหม่

เมื่อถามว่าอาการผิดปกติทางจิตมาจากการเสพกัญชาหรือไม่ เพราะพบอุปกรณ์การเสพในห้องพัก ผบ.ตร.ตอบว่า ต้องให้หมอยืนยันอีกที เราไม่สามารถตอบแทนหมอได้ เมื่อถามว่า ผบ.ตร.เจรจากับผู้ก่อเหตุเขามีความคับแค้นใจอะไร ผบ.ตร.เผยว่า จากการเจรจาเขากังวลเรื่องถูกวางยาพิษ หรือจะถูกคนมาทำร้าย ในฐานะคนเหนือด้วยกันก็คุยกันดี แต่เมื่อขอให้วางปืน เขาไม่ยอม แต่รับว่าไม่ทำใคร แต่จะต้องมีปืน ก่อนจะไปคุยเรื่องพระเจ้า จึงรู้ว่าคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว

หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ จ.หนองบัวลำภู สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายให้สอบสุขภาพจิตทางออนไลน์ทั่วประเทศ ผู้ก่อเหตุก็สอบผ่านหลุดจากกลุ่มเสี่ยงมาได้ จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. นำกลุ่มเสี่ยงมาวางแผนให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ว่ากลุ่มที่สอบสุขภาพจิตผ่านแล้วจะถือว่าปลอดภัย ใครที่เข้าข่ายน่าจะเป็นอันตรายต้องปรับระบบการทำงาน พยายามไม่ให้มีอาวุธปืน แต่ผู้ก่อเหตุคนนี้เคยผ่านการฝึกมา เรื่องการใช้อาวุธปืนเขาจะมีประสบการณ์ แม้กระทั่งการขอบุหรี่ เมื่อเจ้าหน้าที่นำไปให้ ถ้าเขาไม่อยู่ในจุดที่ได้เปรียบหรือเห็นตัวเขาจะไม่ยอม ต้องส่งให้ในจุดที่เราไม่ได้ประโยชน์ เขาเป็นคนฉลาด

เมื่อถามว่า เหตุการณ์เข้าระงับเหตุทำไมถึงมีกระสุนเข้าตัวมากกว่า 1 นัด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ตอบว่า ขอตรวจสอบอีกที เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติงานเป็นลักษณะการระงับเหตุ เข้าจับกุม และมีการยิงต่อสู้ และไม่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ

ถามอีกว่ายืนยันได้หรือไม่ผู้ก่อเหตุไม่ได้เกิดความเครียดจากการทำงาน หรือการสั่งงานของผู้บังคับบัญชา ผบ.ตร.ตอบว่าไม่มี เพราะเท่าที่ได้รับรายงานมา ที่หมุนมาอยู่ที่ตำรวจสันติบาลเป็นการสมัครใจกันระหว่างหน่วยงานของกองบัญชาการศึกษาเพราะมองว่าผู้ก่อเหตุไม่เหมาะกับงานวิจัยด้านวิชาการ ประวัติเขาอยู่ที่ บช.ปส. เห็นว่าเคยทำงานด้านการข่าว จึงส่งตัวมาอยู่ที่สันติบาล เมื่อมาทำงานที่สันติบาลตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.ก็ยังไม่มีเหตุอะไรน่ากังวล

ส่วนทรัพย์สินประชาชนที่ได้รับความเสียหาย ยินดีชดใช้ค่าเสียหาย และได้สั่งการให้ตำรวจสันติบาลประสานกับญาติเรื่องการจัดงานศพและเงินสวัสดิการที่จะได้รับตามสิทธิ์ เพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่