ระทึกอีก ส.ต.ท.สังกัด ตชด.คลุ้มคลั่งอาละวาดใช้มีดไล่แทงหนุ่มคู่กรณี หลังเป็นพยานให้เมียสาวที่ขอหย่า ลั่น "มึงพร้อมที่จะตายแล้วใช่มั้ย ถึงเข้ามาเสือกเรื่องชาวบ้าน" สุดท้ายตำรวจ สภ.เมืองอุบลราชธานี นำกำลังเข้าเกลี้ยกล่อม ยอมจำนน

จากกรณีเพจเฟซบุ๊กสนามยิงปืนดามปิยะพันธ์ อุบลราชธานี โพสต์ภาพชายแต่งกายคล้ายตำรวจไล่แทงไรเดอร์ในบ้านเช่าแห่งหนึ่งบนถนนธรรมวิถี อำเภอเมืองอุบลราชธานี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 มี.ค. 66 ที่ผ่านมา ทำให้มีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นและติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่สาเหตุเกิดจากอะไร

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังนายปิยะพันธ์ จันทมาส อายุ 43 ปี เจ้าของคลิปเปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนได้รับว่าจ้างจากลูกค้าให้ไปปะยางที่หอพัก ตรงข้ามจุดเกิดเหตุ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน จึงได้มองดูเห็นชายแต่งกายครึ่งท่อนคล้ายตำรวจ มีซองปืนพกอยู่ที่เอว แต่ไม่มีตัวปืน ในมือถือมีดปลายแหลมวิ่งไล่แทงกับชายในบ้าน พร้อมทั้งใช้จอบเหล็กทุบรถยนต์เก๋งฮอนด้า และจักรยานยนต์ ได้รับความเสียหาย

...

ตนจึงได้ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานพร้อมแจ้งลงในกลุ่มของสนามยิงปืนว่า มีชายคลั่งในซอยธรรมวิธี ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย หลังจากนั้นประมาณ 20 นาที ตนจึงปะยางให้ลูกค้าเสร็จ จึงได้ยืนดู ชายที่ก่อเหตุถามกลับมาว่า “มึงมีปัญหาอะไรไหม” ตนก็ตอบไป “ไม่มีผมมาปะยาง” แล้วก็ขับรถออกมาจากที่เกิดเหตุ และโพสต์คลิปลงในเพจดังกล่าว

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงไปยังจุดเกิดเหตุ พบนายธวัชชัย อ่อนสันเที๊ย อายุ 36 ปี ชายที่ถูกไล่แทงในคลิปพาเดินไปดูความเสียหายของรถจักรยานยนต์ของตนเองและรถยนต์เก๋งของเพื่อนจอดอยู่ในบ้านถูกทุบเสียหาย

นายธวัชชัย เล่าว่า บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านเช่า อยู่ด้วยกัน 4 คน คู่กรณีจริงๆ คือ นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนกับแฟนของตนเอง โดยนางสาวเอ เป็นภรรยาของ ส.ต.ท.สฤษฎี มีทุน อายุ 29 ปี สังกัดตำรวจ ตชด.ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ทั้งคู่มีปัญหากันในครอบครัวและนัดกันมาเพื่อหย่าร้างกัน

แต่เมื่อ ส.ต.ท.สฤษฎี มาถึงก็ได้มีปากเสียงกันกับนางสาวเอ พร้อมทั้งถามว่าจะหย่ามีใครเป็นพยาน นางสาวเอ ก็บอกว่าให้ตนเป็นพยาน ทำให้ ส.ต.ท.สฤษฎี ไม่พอใจถามกลับว่า “มึงพร้อมที่จะตายแล้วใช่ไหมถึงเข้ามาเสือกเรื่องชาวบ้าน”

จากนั้น ส.ต.ท.สฤษฎี ดึงมีดออกมา 2 เล่ม ก่อนจะถือมีดไล่แทง ตนเองต้องวิ่งหนีตายไปหน้าปากซอย หวังเปิดทางให้นางสาวเอ หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุทางด้านหลังบ้านเพื่อไปขอความช่วยเหลือจากพลเมืองดี ส่วนตนเองระหว่างที่วิ่งหนีถูกแทงเข้าที่ด้านหลัง 1 แผลแต่ไม่ลึกมาก

ตอนนั้นคิดว่าไม่น่ารอดเพราะคู่กรณีเป็นตำรวจ รู้ยุทธวิธีเป็นอย่างดี แต่ก็โชคดี หนีรอดมาได้ จากนั้น ส.ต.ท.สฤษฎี ย้อนกลับมาบ้านเช่า พังประตูบ้านเพื่อหาตัวนางสาวเอ ทำให้ประตูห้องนอน ห้องน้ำเสียหาย

หลังจากเวลาผ่านไปไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้เข้ามาระงับเหตุเกลี้ยกล่อม ส.ต.ท.สฤษฎี นานกว่า 1 ชั่วโมง จึงตัดสินใจนำโล่บังแล้วเข้าไปจับกุมตัว ส.ต.ท.สฤษฎี เพราะไม่แน่ใจว่า ส.ต.ท.สฤษฎี จะมีอาวุธปืนหรือไม่ แต่เมื่อ ส.ต.ท.สฤษฎี เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยอมจำนวนให้จับกุมนำตัวไปสงบสติที่โรงพัก

ด้าน ส.ต.ท.สฤษฎี ให้การว่า ตนเองอยู่กินกับนางสาวเอ จนมีลูก 1 คน อายุ 3 ขวบ ก่อนเกิดเหตุก็มาพักอยู่ที่บ้านของทางฝ่ายหญิงที่อำเภอพิบูลมังสาหาร ระหว่างนั้นก็มีการวิดีโอคอลคุยกัน นางสาวเอ เกิดขอหย่าตนจึงเกิดความโมโหเพราะเห็นนายธวัชชัย นั่งดื่มเบียร์ในบ้าน และนายธวัชชัยจะเป็นพยานให้นางสาวเอในการหย่าจึงได้เดินเก็บข้าวของออกจากอำเภอพิบูลมังสาหารและมาซื้อมีดที่ห้างแห่งหนึ่ง ก่อนเข้าไปที่บ้านเกิดเหตุและเกิดเหตุการณ์ตามคลิป

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ แจ้งข้อกล่าวหา ส.ต.ท.สฤษฎี ในความผิดฐาน บุกรุกเคหสถานของผู้อื่น, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และทำให้เสียทรัพย์ ก่อนคุมตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดอุบลราชธานี ฝากขังดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

...