ทหาร-ตำรวจ บึงกาฬ สกัดจับยาบ้าข้ามแม่น้ำโขง 4 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท ก่อนขยายผลตามจับขบวนการได้ 1 ราย ผบช.ภ.4 เผยว่า การลำเลียงส่วนใหญ่มาจากภาคเหนือ ผ่านมาทางอีสานเพื่อนำสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 66 เวลา 10.30 น. ที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผวจ.บึงกาฬ และ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมคณะ ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 4 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท หลังชุดสืบสวน สภ.บุ่งคล้า และทหารพรานที่ 2107 สกัดจับได้ บริเวณริมแม่น้ำโขงพื้นที่บ้านหนองคังคา ม.4 ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ขยายผลตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ 1 ราย สารภาพรับจ้าง 20,000 บาท เพื่อดูต้นทางให้กลุ่มขนกัญชาเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นยาบ้า

ทั้งนี้สืบเนื่องจากวันที่ 31 ม.ค. เวลา 22.00 น. จนท.ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บุ่งคล้า สืบทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในพื้นที่บ้านหนองคังคา ต.หนองเดิ่น จึงร่วมกับ ทหารพรานที่ 2107 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี วางกำลังดักซุ่มในพื้นที่ กระทั่งมีรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาวแดง ทะเบียน 1 กฌ 4733 บึงกาฬ และรถยนต์กระบะอีกหนึ่งคัน ขับมาจอดริมแม่น้ำโขง ไม่นานพบเรือหางยาวจำนวน 6 ลำ แล่นข้ามมาจากฝั่ง สปป.ลาว มาเทียบท่า กลุ่มชายฉกรรจ์ช่วยกันหามกระสอบสีดำขึ้นมาวางไว้บนตลิ่ง จนท.จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ปรากฏว่ากลุ่มชายที่มากับเรือใช้อาวุธปืนยิงใส่จนท. จึงได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัว กลุ่มคนร้ายได้ขับเรือหลบหนี บางส่วนกระโดดลงน้ำโขง วิ่งหนี และขับรถยนต์หลบหนีไปกับความมืด เมื่อเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบยาบ้าบรรจุกระสอบหมด 10 กระสอบ ประมาณ 4 ล้านเม็ด และพบโทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง ตกอยู่ในเรือหางยาว และรถจักรยานยนต์ ทิ้งในที่เกิดเหตุ จึงร่วมกันตรวจยึดนำมาขยายผล

...

ต่อมาในวันที่ 2 ก.พ. จับกุมนายเสถียร โคตะมี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 ม.4 บ.หนองคังคา ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า ตามหมายจับของศาลจังหวัดบึงกาฬ เจ้าของรถจักรยานยนต์ ที่จอดอยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมรับสารภาพว่า รับจ้างเป็นเงิน 20,000 บาท จากชาวลาวเพื่อมาดูต้นทางให้กลุ่มผู้ขนกัญชาข้ามแม่น้ำโขงเท่านั้น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นยาบ้า

พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า การลำเลียงยาเสพติดที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะมาจากทางภาคเหนือ แต่ทุกวันนี้แนวโน้มการลำเลียงยาเสพติดมาทางภาคอีสานเยอะ โดยเฉพาะพื้นที่ติดริมแม่น้ำโขงตั้งแต่จังหวัดเลย จนถึงจังหวัดอุบลราชธานี มีการลักลอบนำเข้าค่อนข้างสูง เพราะภาคอีสานพื้นที่ขนส่งสะดวกมากกว่าภาคเหนือ สามารถขนไปได้ทุกทิศทุกทาง ทั้งเป็นทางผ่าน และนำเข้ามาใช้ในพื้นที่ตอนในของประเทศ

สำหรับพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ ห่วงตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมและตรวจยึดคดียาเสพติดรายสำคัญได้หลายคดี ยึดยาบ้าของกลางได้ประมาณ 9,000,000 เม็ด และยาไอซ์ประมาณ 200 กก. ส่วนผู้ต้องหารายนี้ได้ตั้งข้อหาร่วมกันนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า โดยการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยมีอาวุธปืน อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และตอนนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมออกหมายจับ คนขับรถยนต์กระบะที่หลบหนีไปได้ในคืนเกิดเหตุ มาดำเนินคดีต่อไป