เพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหายถูกแฮกบัญชีธนาคารเกือบ 20 ราย ร้อง ตร.ไซเบอร์ กดดูลิงก์ส่วนลดที่ส่งมาใน SMS แล้วเงินถูกโอนออกจากบัญชี จนท.เผยยังไม่เคยเจอมาก่อน เร่งรวจสอบอย่างละเอียดหาต้นตอแล้ว

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 ม.ค. 2566 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหายเกือบ 20 คน ที่ถูกมิจฉาชีพแฮกบัญชีธนาคารในโทรศัพท์มือถือแล้วโอนเงินออกไปเกลี้ยงบัญชี มาร้องขอความช่วยเหลือ ให้ช่วยดำเนินการติดตามมิจฉาชีพที่ก่อเหตุ


นายเอกภพ กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายที่มาร้องเรียนกับตนเอง ตอนนี้ มีมากเกือบ 100 คน ที่ถูกแฮกบัญชีธนาคารในโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจากการพูดคุยเบื้องต้น ทุกคน ยืนยันว่า ไม่มีการโหลดแอปพลิเคชันอะไรแปลกๆ มา หรือ เข้าไปกดลิงก์แปลกปลอมที่ส่งเข้ามา และยืนยันว่าหลายคนไม่มีการเปลี่ยนสายชาร์จ หรือ ไปใช้ไวไฟที่อื่นที่อาจจะเป็นช่องโหว่ของมิจฉาชีพ รวมถึงยี่ห้อของโทรศัพท์มือถือหรือระบบปฏิบัติการของมือถือ

...

ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวต่อว่า ฝากไปยัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ กระทรวงการคลัง และธนาคารเจ้าของบัญชี ควรจะออกมารับผิดชอบ หรือเยียวยาผู้เสียหาย และเร่งหาทางแก้ไขเบื้องต้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะประชาชนหลายคนกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้าน น.ส.ณภัทรศนัส รังสิมาหริวงศ์ อายุ 37 ปี หนึ่งในกลุ่มผู้เสียหายที่เดินทางมา เปิดเผยว่า จู่ๆ ก็มีข้อความจาก แอปพลิเคชันขายของออนไลน์ยี่ห้อหนึ่ง ส่งข้อความ SMS มาหาตนเองซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นไลน์ทางการของแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ดังกล่าว ส่งมาบอกให้ตนเองกดลิงก์เข้าไปเพื่อรับโค้ดส่วนลด ตนเองจึงกดลิงก์เข้าไป ยอมรับว่าประมาทกดลิงก์ไป แต่ที่ตั้งข้อสังเกตคือ การโอนเงินออกจากธนาคารที่ผิดปกติวิสัย ปกติจะโอนในหลักหมื่น แต่ครั้งนี้มีการโอนในหลักแสน ทำไมธนาคารถึงไม่ตั้งข้อสังเกตและสอบถามมายังเจ้าของบัญชี ซึ่งเงินที่ถูกโอนไปเป็นเงินเก็บของลูกเพื่อเป็นทุนการศึกษา หลังจากที่ตนเองกดลิงก์ไปแล้ว ก็กดไม่ได้ ตนจึงตอบกลับไปว่าไม่ได้ จึงทำให้มีเจ้าหน้าที่โทรเข้ามา ตนเองจึงคุย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้ตนเองถือสายรอ 19 นาที จากนั้นก็วางไป และก็พบว่าเงินในบัญชี กว่า 4 แสนกว่านั้นหายเกลี้ยงบัญชี

ด้าน พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ตอท.) กล่าวว่า จากนี้จะนำข้อมูลของผู้เสียหายไปตรวจสอบ และจะสอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมด เพื่อตรวจสอบพฤติการณ์ของมิจฉาชีพว่ามีรูปแบบใดบ้าง เพราะกรณีในลักษณะแบบนี้ ไม่เคยเจอมาก่อน ส่วนสาเหตุหรือพฤติการณ์ของมิจฉาชีพตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องไปตรวจสอบอย่างละเอียด จึงยืนยันหาต้นตอของขบวนการดังกล่าวให้ได้

ผบก.ตอท.กล่าวด้วยว่า ส่วนที่ว่าจะเป็นการเข้ารหัสจากการเล่นโซเชียลมีเดียหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้ และได้ฝากเตือนประชาชนให้แบ่งเงิน ในส่วนเงินเก็บในบัญชีก็ไม่ควรจะผูกกับแอปบัญชีธนาคารไว้เป็นจำนวนมาก ควรแบ่งยอดเงินเฉพาะเท่าที่จำเป็นในการใช้จ่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้.