ตำรวจไซเบอร์ เร่งสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหา ที่เป็นทั้งผู้รับเปิดบัญชีม้า เจ้าของบัญชี อินสตาแกรม รวมทั้งหมด 9 คน ที่ควบคุมตัวจากการแกะรอยเส้นทางการเงิน ในคดีหลอก เด็ก ม.3 วัย 15 ปี ร่วมลงทุนซื้อสินค้า 10 ชิ้น วางขายออนไลน์เก็งกำไร จนทำให้หลงเชื่อ นำเงินของแม่ 14,000 มาร่วมลงทุน จนฆ่าตัวตาย
เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 66 พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบ.สืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. เปิดเผยว่า แผนประทุษกรรมของผู้ก่อเหตุ มีลักษณะที่ตำรวจเรียกว่า การตกเบ็ด คือ การสร้างแรงจูงใจเกี่ยวกับรายได้ผลตอบแทนที่สูง เมื่อมีผู้หลงเชื่อ จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการหลอกลวงให้ทำทุกภารกิจตามที่ได้ตรงๆกันไว้
จากนั้นผู้ก่อเหตุ จะให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าสู่บัญชีม้า ที่เปิดทิ้งไว้ ก่อนจะมีการโอนเงินผ่านทางสกุลเงินดิจิตอลไปยังเครือข่ายที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน กดเงินหรือแลกเงิน ออกมาอีกทอดหนึ่ง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยอมรับว่า คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญ และตำรวจสามารถจับเครือข่ายนี้ได้เกือบครบทุกคน ซึ่งคดีลักษณะนี้ จำเป็นต้องมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี ดังนั้น จึงฝากให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง ในการซื้อสินค้าผ่านสื่อสังคมออนไลน์
...
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่รัฐ จะพยายามตรวจสอบและสกัดกั้น และจับดำเนินคดี กลุ่มมิจฉาชีพ เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง โดยทางกระทรวงฯ อยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมดูแลอาชญากรรมทางออนไลน์ เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว

พร้อมฝากเตือน ผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีหรือที่เรียกกันว่า บัญชีม้า จะมีความผิดตามกฎหมาย ตำรวจจะสามารถติดตามแกะรอยเส้นทางทางการเงินได้ ดังนั้น หากรู้ตัวว่า เปิดบัญชีเพื่อไปใช้ในการกระทำผิด ให้ไปแจ้งกับธนาคารยกเลิกบัญชีนั้นเสีย
สำหรับคดีนี้ตำรวจ สอท. ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลฯออกหมายจับ 11 หมายจับ เป็นกลุ่มบัญชีม้าที่รับโอนเงิน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยจับผู้ต้องหาครบแล้วจำนวน 9 คน ประกอบด้วย บัญชีม้า 6 คน / พ่อค้ารับแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล 2 คน ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ รับว่ามีเงินเข้ามาผ่านบัญชีจริง แต่รายละเอียดอยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ตำรวจยัง จับเจ้าของบัญชีอินสตาแกรมที่โพสต์ข้อความเชิญชวน 1 คน และขยายผลจับคนกดเงินที่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านได้เพิ่มอีก 1 คน.