เจ้าของรถที่เปา กระนวน ขับหนีตำรวจ ถูกขโมยไปตั้งแต่ ส.ค. 65 รวม 3 คัน รู้ตัวคนขโมยแต่ ตร.ยังจับไม่ได้ กระทั่งมาเป็นข่าวว่าถูกชุดหนุมานยิงพรุนตอนจับตาย ขณะที่ เมียของเปาโดนกระสุน 5 นัดยังโคม่า

กรณีเหตุวิสามัญผู้ต้องหาเสียชีวิตบนถนนสายบ้านโคกสว่าง ต.คำม่วงไปบ้านคำตานา ต.เขาสวนกวาง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ซึ่งในที่เกิดเหตุ พบศพผู้ตายชื่อ นายอานนท์ หรือเปา อ่อนสาคร อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 ม.10 บ้านคำครึ่ง คำเจริญ ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหา หมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.267/2565 ลงวันที่ 27 ส.ค. 2565 ข้อหา "ต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน ได้กระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย, พยายามในข้อหาฆ่าผู้อื่น, มีใช้อาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืน โดยมิได้อนุญาต และหมายจับศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ จ.44/2565 ลงวันที่ 24 ก.พ. 2565 ข้อหา "สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้นั้นสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ สภาพศพนอนคว่ำหน้าอยู่บนถนน สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาล ใส่รองเท้าแตะ ถูกยิงเข้าที่แผ่นหลังหลายนัด ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร พบรถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ มิวเซเว่น มิวเอ็กซ์ สีแดง ทะเบียน กบ-126 เพชรบุรี จอดอยู่ ในสภาพถูกยิงจนพรุนรอบคัน ยางหลังด้านซ้ายถูกยิงจนแตก มีรอยเลือดในเบาะรถ

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. 2565 น.ส.วัน (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความรถคันดังกล่าวถูกขโมย กล่าวว่า น้องสาวของตนเองมารู้จักกับผู้ชายชื่อ "นาย" หรืออีกชื่อคือ นายเอ อายุ 20 ปี ชาวบ้าน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และชายดังกล่าวรู้ว่าน้องมีรถ 3 คันเพราะรู้จักกันในติ๊กต่อก ลักษณะเหมือนสามารถให้คำปรึกษาเรื่องเลิกกับแฟน และได้มาตีสนิทน้องสาวสักพัก ก่อนจะมีการนัดเจอน้องที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี โดยน้องขับรถอีซูซุ มิวเอ็กซ์ สีแดงคันเดียวกันในข่าวไปหาชายคนดังกล่าวที่ปั๊มน้ำมันจุดนัดพบ

...

ผู้เสียหาย ที่เป็นเจ้าของรถ กล่าวต่อว่า เมื่อไปถึงปั๊มผู้ชายที่ชื่อ "นาย" ก็ลงจากรถมาแล้วพาตัวน้องตนเองขึ้นรถไปแล้วไม่ปล่อยกลับมา ซึ่งน้องก็เล่าให้ฟังตลอดที่อยู่กับนายนายว่า ชายดังกล่าวบอกว่าเป็นคนรวยใช้เงินวันละหมื่น ครอบครัวรวยมาก ซึ่งในวันนั้นที่เจอกันครั้งแรก พอขับรถออกจากปั๊มไปแต่รถไปชนฟุตปาท ด้านหน้ารถพัง จึงเอารถไปซ่อม แล้วเอารถอีกคันของน้อง มาวิ่งแทนบอกว่าเอาไปขับรับสับปะรดไปส่งขาย พร้อมทั้งเอารถยนต์ฟอร์ดเอเวอเรสต์ สีแดง ไปด้วยอีกคัน ไม่รู้ว่าเอาไปจำนำหรือเอาไปขาย ทั้งซ้อมทำร้ายร่างกายน้องสาว ก่อนน้องจะหนีออกมาได้ในสภาพสะบักสะบอมแล้วขึ้นรถตู้กลับมา แต่ชายดังกล่าวรู้จักคนมีสีบอกตำรวจดักรถตู้น้อง น้องรู้ตัวจึงหนีออกไป โดยให้น้องอีกคนมารับกลับ จนในที่สุดหนีพ้นชายคนดังกล่าวมาได้

น.ส.วัน กล่าวอีกว่า พอรู้ว่าไม่ได้รถคืนจึงกลับมาที่บ้าน ที่จ.กำแพงเพชร และขอรถคืน พร้อมทั้งขับรถไปที่ประจวบคีรีขันธ์ ตามคำกล่าวอ้างต่างๆ นานาของชายดังกล่าว ที่ล่าสุดบอกรถอยู่สมุทรสงคราม แต่ไม่มีน้ำมันให้มาเอาไปเติมเอง ทั้ง 3 คัน แต่ก็ไม่ได้คืนไม่พบตัวและติดต่อไม่ได้อีกเลย พอมาทราบอีกทีก็เห็นข่าวนายเปา กระนวน ขับรถน้องตนเองไป แล้วก็ทราบรายละเอียดต่างๆ จากในข่าว ก่อนที่จะมีทางตำรวจโทรศัพท์มาหา เพื่อตามหาเจ้าของรถในที่สุด

ผู้เสียหายที่เป็นเจ้าของรถ กล่าวถึงรถที่ถูกขโมยว่า วันนี้ตนเองก็จะดำเนินการตามขั้นตอน โดยให้ทางประกันเป็นคนจัดการซึ่งทำประกันชั้นหนึ่งเอาไว้ โดยรถทั้ง 3 คันนั้น ถูกผู้ชายชื่อนายหลอกเอารถไปอ้างเหตุผลต่างๆ นานาว่าจะเอาไปทำนั่นนี่ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมาจนถึงเดือนกันยายน ทยอยไปทีละคัน คันแรกวันที่ 5 คันที่ 2 วันที่ 8 ส่วนคันที่ 3 เอาไปวันที่ 12 โดยเอาไปเลย โดยรถคอกจะเอาไปวิ่งสับปะรดให้ค่าจ้างวันละ 3,000 บาท เห็นว่ารายได้ดีก็ให้ไป คันแดงบอกเอาไปซ่อม คันที่ 3 บอกพ่อเอาไปวัดไอ้ไข่ เลยเริ่มเอะใจหาวิธีหนีออกมาเพราะมีพิรุธ จึงบอกน้องให้รีบหนีออกมาให้ได้ ก่อนจะเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2565 ที่ สภ.ปากน้ำปราณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ กระทั่งมาพบในข่าว

"ส่วนตัวคิดว่าผู้ชายชื่อนายกับนายเปาเป็นพ่อค้ายาเสพติดเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเส้นสายเดียวกันไหม ก็อยากให้ทางตำรวจดำเนินการเอาผิดนายนายหรือนายเอที่หลอกน้องสาวเอารถไปทั้ง 3 ขั้นดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุดด้วย" น.ส.วัน กล่าว

...

ด้าน พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผู้การฯ ขอนแก่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนเกิดการวิสามัญนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น และ บก.สส.ภ.4 สืบทราบว่า นายเปา ผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมพวกเข้าพื้นที่ อ.เขาสวนกวาง โดยนายเปาจะมาหาภรรยาและเยี่ยมลูก โดยได้มาเปิดรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลคำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น เป็นที่พักอาศัย เพื่อให้ภรรยา ชื่อ นางสาวธิญาตา ทวิลา มาหา

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังพร้อมหมายจับไปที่รีสอร์ตดังกล่าวเพื่อจับกุม และขอตรวจค้นห้องพัก เพราะสงสัยว่าจะมียาเสพและสิ่งผิดกฎหมาย และสันนิษฐานว่านายเปาน่าจะมีอาวุธสงคราม และอาวุธปืน ที่อาจจะยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนครั้งที่ผ่านมาได้ จึงได้เรียกแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น ปรากฏว่านายเปาพร้อมภรรยาและเพื่อนชายอีก 1 คน พากันวิ่งขึ้นรถแล้วขับฝ่าวงล้อมตำรวจ ชนรั้วรีสอร์ตจนพังหนีออกไปบนถนน

กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถไล่ตามไปจนมาถึงบนถนนสายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ไล่ล่าตามจึงตัดสินใจยิงใส่รถของนายเปา และยิงยางรถยนต์ จนยางหลังข้างซ้ายแตก นายเปายังพยายามขับหนี แต่หนีไม่ได้ จึงเปิดประตูหนีลงจากรถ และก็หนีไม่ได้ ล้มลงเสียชีวิตกลางถนน ส่วนภรรยาถูกยิงตามร่างกาย 5 นัด บาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่ง รพ.เขาสวนกวาง และส่งต่อไปที่ รพ.ศรีนครินทร์

...

ส่วนเพื่อนที่นั่งมา ทราบชื่อว่า นายประดิษฐ์พร บุญโก วิ่งเข้าป่าหลบหนีไป และในช่วงที่ขับรถหลบหนี นายเปาได้ใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเส้นทาง ซึ่งภายหลังจากสกัดได้และนายเปาถูกวิสามัญ จึงทำการตรวจค้นในรถ พบอาวุธปืน M16 จำนวน 3 กระบอก ตกอยู่นอกรถ จึงยึดไว้เพื่อส่งตรวจสอบดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว และในส่วนของคนที่มากับนายเปาอีกคนสามารถหลบหนีการจับกุมของตำรวจไปได้ ซึ่งทางตำรวจก็จะเร่งติดตามตัวคนที่เหลือที่มากับนายเปามาดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป.