แม่ทัพภาคที่ 4 เผยเหตุลอบวางระเบิดรถไฟครั้งนี้ ทำให้ทุกฝ่ายต้องวางมาตรการคุมเข้มเพิ่มนอกจาก 3 จังหวัดใต้และ 4 อำเภอ จ.สงขลา พื้นที่เศรษฐกิจ ท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงวันคริสต์มาส วันปีใหม่

จากกรณีคนร้ายรอบวางระเบิดรางรถไฟสายหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ห่างจากสถานีรถไฟบ้านคลองแงะประมาณ 3 กิโลเมตร ในพื้นที่หมู่ 2 ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมาทำให้โบกี้บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สินค้า ได้รับความเสียหาย 11 โบกี้รวมทั้งรางรถไฟหมอนรถไฟได้รับความเสียหาย

ต่อมาเมื่อช่วงเช้า วันที่ 6 ธันวาคม 65 ได้เกิดเหตุระเบิดซ้ำมีผู้เสียชีวิต 3 รายและบาดเจ็บ 4 นาย หลังจากเจ้าหน้าที่บำรุงทางรถไฟทั้ง 7 นาย รวมทั้งเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ได้ทำการกู้โบกี้รถไฟ และตู้บรรทุกสินค้าตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 นายได้เดินกลับมาที่จุดพัก เพื่อมานำอุปกรณ์กลับไปที่เดิม ช่วงจังหวะนั้นได้เหยียบจุดที่คนร้ายได้ฝังระเบิดไว้ จนมีการระเบิดอย่างรุนแรง ทำให้เจ้าหน้าที่บำรุงทางกระเด็นไปคนละทิศคนละทางและเสียชีวิตดังกล่าว

...

หลังเกิดเหตุระเบิดรอบที่ 2 ทางเจ้าหน้าที่ ทหาร ชุด EOD จาก ฉก.อโณทัย พร้อมสุนัขดมกลิ่น K-9 และเจ้าหน้าที่ EOD ชุด ตชด. 43 และ สพฐ.9 เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัยฯ ช่วยกันลำเลียงร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ไปตรวจพิสูจน์ยังโรงพยาบาลสะเดา ก่อนที่จะประสานญาติให้มารับ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป 

พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวหลังจากเดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุว่า เบื้องต้นมีการคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ขณะนี้ การทำงานของกลุ่มก่อความไม่สงบเลือกก่อเหตุนอกพื้นที่เฝ้าระวัง เดิมมีการก่อเหตุแค่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลาเท่านั้น แต่หลังจากนี้ทุกฝ่ายต้องวางมาตรการคุมเข้มเพิ่ม โดยเฉพาะเมืองใหญ่ ที่เป็นพื้นที่หลักของการท่องเที่ยว พื้นที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจ สถานที่ราชการ ที่มีความล่อแหลมในการก่อเหตุ แต่ก็ต้องเฝ้าระวังในพื้นที่เป้าหมายเดิมด้วย เพื่อความไม่ประมาท ลดความสูญเสีย ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือภาคจากประชาชน ผู้นำท้องถิ่น คนในชุมชน ช่วยกันสอดส่องเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่ด้วยอีกทาง โดยเฉพาะช่วงนี้ ใกล้เทศกาลวันคริสต์มาส เทศกาลปีใหม่ ยิ่งต้องคุมเข้มทุกพื้นที่กันอย่างเข้มงวด

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวต่อว่า พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ทิ้งระยะเวลาการก่อเหตุนานถึง 10 เดือน ทำให้เจ้าหน้าที่ชะล่าใจ ประมาทไม่คุมเข้มเท่าที่ควร แต่หลังจากเกิดเหตุระเบิดในครั้งนี้ และยังปล่อยให้มีการระเบิดซ้ำจนทำให้มีคนเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งทิ้งระยะเวลาห่างกันถึง 3 วัน ทุกภาคส่วนต้องกลับมาทบทวน และจริงจังในการบูรณาการ การทำงานร่วมกันใหม่เพื่อความไม่ประมาทและเว้นช่องว่างให้ผู้ก่อเหตุ

...

พล.ท.ศานติ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของกองทัพภาคที่ 4 ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของทางเจ้าหน้าที่การรถไฟ ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ หลังจากนี้หากมีอะไรให้ทางกองทัพภาคที่ 4 ช่วยเหลือก็ยินดีช่วยเหลือทุกช่องทาง พร้อมให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปนำร่างผู้เสียชีวิต 3 ราย นำส่งโรงพยาบาลสะเดา ขณะที่ร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัยฯ ช่วยกันลำเลียงร่างไปตรวจพิสูจน์ยังโรงพยาบาลสะเดา ก่อนที่จะประสานญาติให้มารับ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนผู้บาดเจ็บทั้ง 4 รายอาการปลอดภัยแล้วทั้งหมด และยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสะเดาทั้ง 4 ราย.