กลุ่มวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์มาด้วยกัน จู่ๆ หนึ่งในนั้นทำปืนลั่นใส่นิ้วตัวเองจนเกือบขาด กระสุนทะลุไปโดนเพื่อนที่ขี่จักรยานยนต์จนเสียชีวิตกลางถนนย่านบางขุนเทียน
เมื่อเวลา 21.55 น. วันที่ 5 ธ.ค. 2565 ร.ต.อ.พฤติการณ์ เครือสงค์ รอง สว.(สอบสวน) สน.แสมดำ รับแจ้งเหตุปืนลั่นมีผู้เสียชีวิตบริเวณป้ายรถประจำทางหน้าบริษัท วรรธนาอินดัสเทรียล จำกัด ตั้งอยู่ระหว่างซอยพระราม 2 ที่ 81 และ 83 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สน.แสมดำ พ.ต.ท.เจษฎาภรณ์ อ่อนทองคำ รอง ผกก.สส.สน.แสมดำ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุอยู่บนบาทวิถีข้างป้ายรถประจำทางใต้สะพานลอยคนข้าม พบศพ นายเบนซ์ อายุ 17 ปี สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน คลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายสก็อตสีฟ้า นุ่งกางเกงขายาวสีเขียวทหาร สวมรองเท้าแตะสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่สีข้างขวาใกล้ราวนม กระสุนฝังใน 1 นัด ข้างกายมีหมวกนิรภัยตกอยู่ 2 ใบ ห่างไปประมาณ 50 เมตร พบรถจักรยานยนต์ผู้ตาย ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125ไอ สีขาว เป็นรถใหม่ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่ พร้อมรอยเลือดกระเซ็นติดชุดสี จำนวน 1 คัน นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นคนซ้อนท้ายมากับผู้ตาย ทราบชื่อคือ นายต้า อายุ 17 ปี นักศึกษาระดับชั้น ปวช.ปี 1 มีบาดแผลคล้ายถูกคมกระสุนเข้าที่นิ้วชี้มือซ้าย 1 แห่งจนหวิดขาด เบื้องต้นถูกนำตัวส่ง รพ.พีเอ็มจี ไปก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมรายละเอียดที่พบไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน น.ส.ปิยวรรณ อายุ 38 ปี มารดาผู้ตายซึ่งทราบข่าวจึงรุดมาดูศพบุตรชายทั้งน้ำตานองหน้า ให้การว่า ตนทำงานโรงงาน พักอยู่ที่บ้านเช่าย่านถนนบางขุนเทียนชายทะเล เลิกรากับพ่อของเบนซ์ ตั้งแต่เจ้าตัวยังเด็ก และเลี้ยงลูกเองมาจนถึงทุกวันนี้ กระทั่งเมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ที่แล้ว น้องเบนซ์ ได้ขอแยกออกไปอยู่กับเพื่อน โดยอ้างว่าจะไปเรียนต่อ กศน. ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าลูกไปอยู่กับเพื่อนคนไหน เพราะมีอุปนิสัยติดเพื่อนมาก ที่ผ่านมา น้องเบนซ์ ก็ไม่ได้ทำงานอะไร เรียนก็ไม่จบ ม.3 เวลาเงินไม่มีใช้ก็จะเข้ามาขอที่บ้าน หรือให้ตนโอนให้เสมอ ซึ่งตนเจอหน้าลูกครั้งสุดท้ายก็ตอนกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน ไม่ได้พูดคุยกัน วันนี้รู้ข่าวว่าเป็นศพถูกยิงตาย จึงรีบรุดมายังจุดเกิดเหตุ
...
ด้าน นายศราวุธ มีทรัพย์ อายุ 23 ปี รปภ.บริษัท วรรธนาอินดัสเทรียล จำกัด ซึ่งเข้าเวรอยู่ที่ป้อมยามหน้าบริษัท เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามปกติ ได้ยินเสียงอาวุธปืนดังมาจากริมถนน ทีแรกนึกว่าเสียงท่อรถจักรยานยนต์ กระทั่งมีเพื่อนผู้ตายจำนวน 2 คนวิ่งมาหาตนที่ป้อม บอกให้ช่วยแจ้งตำรวจ เนื่องจากมีคนถูกยิง ตนจึงรีบโทรเบอร์ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินหาหลักฐานเพิ่มเติมบริเวณใกล้เคียงจุดที่พบศพ ปรากฏว่าพบกระสุนปืนขนาด .38 ที่ยังไม่ได้ยิงจำนวน 1 นัด อาวุธมีดดาบ และมีดดายหญ้าอีก 4 เล่ม ซุกซ่อนอยู่ในพงหญ้าที่รั้วกำแพงของบริษัท จึงควบคุมตัวเพื่อนผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ในจุดเกิดเหตุเอาไว้จำนวน 2 คน ทราบชื่อต่อมาคือ นายนนท์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี และ นายวัฒน์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ผลการเค้นปากคำทั้งคู่ยอมรับว่า ก่อนเกิดเหตุ นายเบนซ์ ผู้ตาย และ นายต้า ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์กลับจากทำธุระตีคู่กันมากับพวกตน โดยกำลังจะมุ่งหน้ากลับห้องพักย่านแสมดำ
พอมาถึงบริเวณป้ายรถประจำทางก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ก่อนที่ นายเบนซ์ จะจอดรถแล้วล้มคว่ำลงเสียชีวิต โดย นายต้า คนซ้อนท้าย ยอมรับว่าเป็นคนทำปืนปากกาขนาด .38 ลั่นใส่ตัวเองที่นิ้ว และพลาดไปถูกเพื่อนเสียชีวิต นายต้า จึงโยนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนเข้าไปซ่อนในพงหญ้า ส่วนพวกตนก็นำอาวุธมีดที่พกมาเพื่อป้องกันตัวไปซ่อนเอาไว้ที่รั้วริมกำแพงบริษัทด้วยเช่นกัน เนื่องจากเกรงกลัวความผิด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปอายัดตัว นายต้า ที่โรงพยาบาลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนอาวุธปืนของกลางอยู่ระหว่างตรวจหาในที่เกิดเหตุยังไม่พบ เพราะผู้ต้องหาไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าโยนทิ้งไปตรงจุดใด.