“ชูวิทย์” ลุยแฉทุนสีเทา เปิดหลักฐานนอมินีไทยเครือข่าย "ตู้ห่าว" รับโอนเงินกว่า 400 ล้านซื้อที่ดิน ซื้อโรงเรียนสอนภาษาไทยให้คนจีนอยู่ รับรองการอยู่ในไทยในฐานะนักศึกษาทำให้ไปต่อวีซ่าได้ พร้อมภาพบ้านหลังใหญ่กลางหุบเขา ที่ได้ข้อมูลมาว่า ใช้เงินจากหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของต่างประเทศที่สนับสนุนหน่วยงานยาเสพติดของไทย ไปสร้างบ้าน ก่อนเผาพริกเผาเกลือสาปแช่ง ยืนยันการเปิดเผยข้อมูลเพื่อปกป้องประเทศ ไม่ใครอยู่เป็นเบื้องหลัง
เวลา 15.00 น. วันที่ 1 ธ.ค. 65 ที่โรงแรม เดอะ เดวิส คอนเนอร์ วิงค์ สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้ประกอบการสถานบริการ เปิดเผยถึงข้อมูลกลุ่มนายทุนจีนสีเทาเพิ่มเติม หลังจากที่ตำรวจดำเนินคดีนายตู้ห่าว เจ้าของสถานบันเทิงจินหลิง ย่านสาทร ที่พบว่าเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีน และมียาเสพติดอยู่ภายในสถานบริการจำนวนมาก
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ได้รับข้อมูลของนายตู้ห่าวมาจากพยานคนสำคัญที่เป็นอดีตคนใกล้ชิด จึงมีข้อมูลของกลุ่มธุรกิจนี้จำนวนมาก และจะทยอยให้กับตำรวจนำไปสืบสวนต่อ โดยเฉพาะกลุ่มนอมินีที่พบว่านายตู้ห่าว ใช้ชื่อ นางพัชรินทร์ คนไทยดำเนินการแทน และมีหลักฐานการซื้อขายที่ดินมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เมื่อปี 2563 ที่ให้นางพัชรินทร์เป็นผู้ดำเนินการแทน รวมทั้งมีหลักฐานการโอนเงินระหว่างนายตู้ห่าว กับนางพัชรินทร์ ครั้งละ 3-5 ล้านบาทอีกหลายครั้ง ซึ่งหากนายตู้ห่าวทำธุรกิจที่ถูกกฎหมายทำไมถึงต้องใช้นอมินีมาถือครองทรัพย์สิน และเส้นทางการเงิน
นอกจากนั้นยังพบว่าการออกวีซ่าให้คนจีนเข้ามาอยู่ในไทย นายชูวิทย์ยังพบข้อมูลว่านายทุนจีนเหล่านี้ได้ซื้อโรงเรียนสอนภาษาไทยให้คนจีนอยู่ และรับรองการอยู่ในไทยในฐานะนักศึกษา ทำให้ไปต่อวีซ่าได้ตลอด และยังมีภาพถ่ายของนายหลินหลง อดีตที่ปรึกษาสมาคมพ่อค้าไทยที่ร่วมถ่ายภาพกับข้าราชการหลายคน และแอบอ้างใส่ชุดคล้ายทหาร ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้อ้างตัวเป็นผู้มีอิทธิพลกับกลุ่มคนจีน และลักลอบตั้งสมาคมอีกหลายแห่งขึ้นมาเพื่อทำให้มีความน่าเชื่อถือ
...
ทั้งนี้ นอกจากกลุ่มทุนจีนจะเข้ามาทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย และพยายามที่จะอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมายแล้ว ยังพบว่ามีการทำสิ่งที่กระทบต่อความมั่นคงต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยที่นายชูวิทย์ใช้คำว่า “อุ้มท้องซื้อพ่อ ซึ่งรายละเอียดของการกระทำความผิดนี้จะขอแถลงในครั้งต่อไป" นายชูวิทย์ กล่าว พร้อมนำภาพถ่ายการก่อสร้างบ้านขนาดใหญ่กลางหุบเขาในจังหวัดหนึ่ง ที่ได้ข้อมูลมาว่า มีการใช้เงินจากหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของต่างประเทศเพื่อมาสนับสนุนหน่วยงานยาเสพติดของไทย แล้วนำเงินไปสร้างบ้านกลางป่า คล้ายกับกรณีของการสร้างบ้านพักตุลาการที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อนหน้านี้ แต่รายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผย และตั้งคำถามถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงไม่เข้าไปตรวจค้นในเครื่องบินส่วนตัวที่ตรวจยึดไว้ มีเพียงการเข้าไปตรวจยึด ซึ่งอาจจะได้ข้อมูลหรือหลักฐานบางอย่างที่สำคัญทางคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว นายชูวิทย์ ได้ทำพิธีเผาพริก เผาเกลือ เพื่อสาปแช่งให้กับคนที่เห็นว่าการออกมาเปิดเผยข้อมูลของนายชูวิทย์ มีคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งนายชูวิทย์ ยืนยันว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลทุนจีนสีเทาครั้งนี้ เพื่อต้องการปกป้องประเทศ และไม่มีบุคคลใดอยู่เป็นเบื้องหลัง.