"ดีเอสไอ" สอบเครียดถึง 3 ทุ่ม "กระทิง-ขุนณรงค์" ปมเอี่ยว Forex-3D ด้าน ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินฯ เผย นักแสดงหนุ่มให้ความร่วมมือดี-นำหลักฐานทางการเงินและตอบทุกประเด็น ยืนยัน ทำสำนวนพิ้งกี้และใบเตย ดีเจแมน ด้วยความเท่าเทียม
จากกรณี กระทิง-ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ นักแสดงหนุ่ม เดินทางเข้าให้การในฐานะพยานในคดีแชร์ Forex-3D กับพนักงานสอบสวนคีพิเศษ หลังจากมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษขอให้เรียกมาสอบปากคำ เนื่องจากมีรายชื่อปรากฏว่านักแสดงหนุ่มเป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนในแชร์ดังกล่าว และมีจำนวนลูกทีมถึง 14 คน โดยในบรรดาลูกทีมยังปรากฏมีชื่อของศิลปินและนักแสดงรุ่นพี่อย่าง "โต๋" ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร และ "บอล" กัมมัญญ์ กลมแก้ว อีกด้วย เป็นเหตุให้ดีเอสไอได้ส่งหนังสือเชิญให้ทั้งสามรายเข้าให้การในฐานะพยาน ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ธ.ค.65 ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เปิดเผยว่า วานนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้สอบปากคำนายขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ หรือ กระทิง ในฐานะพยานคดี Forex-3D ที่ปรากฏรายชื่อในผัง ซึ่งถูกเผยแพร่ข้อมูลในโลกออนไลน์ว่าเป็นพ่อข่ายชักชวนลงทุน และมีผู้เข้าแจ้งความดำเนินคดี 1 ราย สำหรับการสอบสวนวานนี้เป็นไปอย่างละเอียด ใช้เวลานานมากกว่า 8 ชม. โดยการสอบสวนเสร็จสิ้นในช่วงเวลา 21.00 น.
ส่วนประเด็นที่พนักงานสอบสวนสอบใช้สอบถามนั้น ร.ต.อ.วิษณุ กล่าวว่า มีการสอบถามเรื่องรายชื่อผู้ที่ร่วมลงทุนกับกระทิงซึ่งมีจำนวนมาก โดยมีทั้งรายชื่อที่กระทิงนำมามอบให้และรายชื่อที่ดีเอสไอสืบสวนสอบสวนมาได้ และได้ให้นักแสดงหนุ่มชี้แจงเส้นทางการเงินในการร่วมลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงช่วงสุดท้าย ซึ่งในการเข้าให้ปากคำครั้งนี้ นักแสดงหนุ่มได้แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการนำรายการเดินบัญชีทั้งหมดตั้งแต่เริ่มลงทุนจนถึงปัจจุบันมามอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ทำให้ในระหว่างการสอบปากคำสามารถนำข้อมูลของทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบและแตกประเด็นในการสอบสวนได้มากขึ้น จึงทำให้ใช้เวลาในการสอบปากคำนานกว่าปกติ จนต้องมีการพักการสอบปากคำหลายรอบเพื่อลดความเหนื่อยล้าของพนักงานสอบสวนและพยาน อย่างไรก็ตาม ตลอดการสอบปากคำ นักแสดงหนุ่มให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนประเด็นการสอบปากคำต่างๆ จะสิ้นสงสัยหรือจะต้องเชิญเจ้าตัวหรือบุคคลอื่นมาสอบปากคำอีกหรือไม่ยังต้องรอการประชุมของคณะพนักงานสอบสวนอีกครั้ง
...
กรณีที่ในโลกโซเชียลมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากรณีการดำเนินคดีแจ้งข้อหาจนถึงการส่งตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลระหว่างสำนวนของ น.ส.สาวิกา ไชยเดช หรือ พิ้งกี้และมารดา กับคดีในสำนวนของกลุ่มผู้ต้องหา16 คน ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการไม่เท่ากัน จนกระทั่งนักแสดงสาว พิ้งกี้ ได้รับการประกันตัวหลังต้องจำคุกนานถึง 3 เดือน แต่ผู้ต้องหาในสำนวนหลังยังไม่ได้นำตัวส่งอัยการหรือฝากขัง เรื่องดังกล่าว ร.ต.อ.วิษณุ ชี้แจงว่า ทั้ง 2 คดีมีการใช้ระยะเวลาในการดำเนินการพอๆ กัน โดยคดีของสำนวนพิ้งกี้และครอบครัว ดีเอสไอใช้เวลาหลังจากแจ้งข้อกล่าวหาพิ้งกี้และแม่จนกระทั่งส่งอัยการและฝากขัง ใช้เวลานานประมาณ 1 ปี แต่สื่อมวลชนและประชาชนอาจไม่ทราบว่ามีการดำเนินการกับพิ้งกี้ในขณะนั้นจนกระทั่งมาเป็นข่าว
ส่วนสำนวนของดีเจแมนและใบเตย ขณะนี้ก็ใช้ระยะเวลามาเกือบ 1 ปีแล้ว แต่อุปสรรคในสำนวนนี้คือ การขอข้อมูลจากทางธนาคาร ทั้งการขอโดยเจ้าตัวเองและการขอโดยดีเอสไอ เนื่องจากทางธนาคารเข้มงวดในการให้ข้อมูลเส้นทางการเงินมากขึ้นเนื่องจากมีการประกาศใช้กฎหมาย PDPA (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการสรุปสำนวนส่งอัยการ ทั้งนี้ จากภาพรวมของคดีในสำนวนลอต16 นี้ เชื่อว่าจะสามารถส่งตัวผู้ต้องหาและสำนวนให้อัยการได้ในต้นปีหน้าอย่างแน่นอน ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการดำเนินการด้วยความเท่าเทียมกันกับผู้ต้องหาทุกสำนวนไม่ได้มีการให้การช่วยเหลือบุคคลใด.