"สันธนะ" เปิดใจ เคลียร์ความสัมพันธ์กับ "ตู้ห่าว" พร้อมให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ท้าให้เงินมากกว่า 10 เท่า หากใครเห็นรับเงินจากกลุ่มทุนจีน

วันที่ 24 พ.ย.65 จากกรณีที่ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ "ตู้ห่าว" นักธุรกิจชาวจีน เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังมีการออกหมายจับใน 2 ข้อหา คือ ในฐานความผิด สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้นั้นสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เนื่องจากพบความเชื่อมโยงจากการไปตรวจค้นผับจินหลิง ซึ่งพบยาเสพติดหลายรายการ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ในรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" โดย ภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ วันนี้ เป็นการพูดคุยกับ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ถึงความสัมพันธ์กับ "ตู้ห่าว" ว่าเอี่ยวทุนจีนสีเทา และมีนักการเมืองใหญ่หนุนจริงหรือ? แล้วที่ออกมาร้องป่าวประกาศเพราะได้รับคำสั่งจากใครหรือเปล่า

เมื่อถามว่า จากกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้สอบสวนเส้นทางการเงิน เนื่องจากหลังถูกไล่ออกจากราชการ แต่พบว่า ร่ำรวย อยู่บ้านหรู ทำธุรกิจอะไร เสียภาษีหรือไม่ เรื่องนี้ นายสันธนะ เผยว่า ตนทำธุรกิจกาสิโนที่ต่างประเทศ ซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย จ่ายภาษีเต็มๆ ซึ่งเป็นรายได้ที่มาจากต่างประเทศ ทำไมต้องมาสำแดง หรือเก็บภาษีซ้ำ แล้วรายได้ของตนก็มีบัญชีเปิดอยู่ในประเทศที่ทำธุรกิจได้

ทั้งนี้ตนไม่ได้เป็นเจ้าของกาสิโน แต่เป็นจังเก็ตกาสิโน ซึ่งก็ทำตั้งแต่ตอนที่รับข้าราชการตำรวจอยู่ คล้ายโบรกเกอร์ในตลาดหลักทรัพย์ ลูกค้าที่บินไป ตนเป็นคนตรวจสอบ และรับผิดชอบเครดิตให้ หากลูกค้าเล่นได้ ก็ต้องนำเงินให้ลูกค้า แล้วไปเก็บกับกาสิโน แต่หากกาสิโนได้ ตนก็ต้องนำเงินจากลูกค้ามาให้ โดยตนได้เปอร์เซ็นต์ส่วนต่าง ซึ่งตนทำมาประมาณ 30 กว่าปีได้ เริ่มจากเล็กๆ จนมีพอร์ตใหญ่พอสมควร คนไทยร่วมอาชีพมีประมาณ 4-5 คน 

...



ขณะที่เมื่อถามถึงรายได้ นายสันธนะ บอกว่า ในระดับครอบครัว จะใช้อย่างไรก็ใช้ไป มันเกินกว่าจะใช้ทั่วไป ไปต่างประเทศครั้งหนึ่งก็เอาเงินสดเข้ามาที่พอใช้จ่าย ซึ่งหากจะมีการตรวจสอบก็ให้ตรวจสอบได้ แต่เรื่องธุรกิจต่างประเทศไม่จำเป็นต้องสำแดงให้รู้ พร้อมยอมรับว่า แม้ตนไม่ได้ทำธุรกิจอะไรในประเทศ แต่ภาษีสังคมที่ตนต้องจ่ายในแต่ละเดือนนั้นหลายล้านบาท แต่ตอนนี้ทำน้อยลง ซึ่งอยู่ในระดับ VIP แล้ว ไม่ต้องทำเหมือนตอนที่เริ่มทำใหม่ๆ แล้ว 

ต่อข้อถามว่า ยืนยันว่าไม่ได้เป็นมาเฟียไปรีดไถใช่หรือไม่ นายสันธนะ บอกว่า ผมท้าทุกวัน หากใครที่ถูกผมไถให้มาแจ้งความ 

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้าทางคดีเกี่ยวกับกลุ่มทุนตจีนสีเทา ว่า จาก 5 กลุ่มทุนจีนสีเทา เราจับมาแล้ว 3 กลุ่ม ซึ่งตู้ห่าวคือหนึ่งในนั้น ตอนนี้เหลืออีก 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งยังอยู่ในกรุงเทพฯ อีกคนหนีออกนอกประเทศแล้ว ซึ่งเรากำลังขออินเตอร์โพลเพื่อติดตามจับกุมแล้ว 

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กลุ่มทุนจีนเหล่านี้ส่วนหนึ่งมาจากทัวร์ศูนย์เหรียญที่ปิดไปแล้ว จากนั้นก็มาทำผับในประเทศไทย ซึ่งเข้าได้เฉพาะคนจีนเท่านั้น โดยจะมีเรื่องยาเสพติดและบ่อนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแบบครบวงจร เปิดผับบังหน้า และนำยาเข้าไปขาย ซึ่งจะได้ประโยชน์มหาศาลจากการจำหน่ายยาเสพติด 

เมื่อถามว่า มีเพียง 5 กลุ่มนี้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ยังมีอีก เนื่องจากกลุ่มคนจีนเหล่านี้มีฐานะทางการเงินดี เมื่อไหร่ก็ตาม ประเทศไหนอ่อนแอ มีการคอร์รัปชัน ก็จะเข้ามาในประเทศได้ง่าย แต่หากมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง คนพวกนี้ก็จะไม่อยู่ จะออกไปหมด ซึ่งการเข้ามานั้นก็จะมีนอมินี และคนไทยให้การช่วยเหลือ ซึ่งเราก็จะได้มีการขยายผลต่อ รวมถึงการขยายผลยึดทรัพย์ และรวบรวมพยานหลักฐานดูเส้นทางการเงิน หากพบว่าเกี่ยวข้องกับใคร ก็ต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เช่นเดียวกับกรณีของตู้ห่าวซึ่งมีภรรยาเป็นคนไทย และรับราชการตำรวจด้วย

ขณะที่ นายสันธนะ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ต้องแยกระหว่างกลุ่มทุนจีนเก่า และกลุ่มทุนจีนใหม่ อย่าไปเหมารวม และที่บอกว่า กลุ่มคนเหล่านี้ทำผิดในประเทศเพื่อนบ้านและหนีเข้ามาในประเทศไทย ส่วนสาเหตุที่ ร.อ.ธรรมนัส เข้ามาฝากตนนั้น เพราะข้อจำกัดทางการเมืองเยอะ บทบาทต้องเปลี่ยน การจะมาพบกลุ่มทุนจีนก็คงถูกมองเป็นประเด็นทางการเมือง ซึ่งก็ไม่ใช่เพิ่งมาฝากตอนที่มีคดี และถ้าพูดถึง 5 กลุ่มทุนจีนนี้ มีอดีตสีกากียัดข้อมูลให้กับใครบางคน ที่เห็นว่ากลุ่มนี้มีเงินไหลเข้ามา แต่อาจจะไม่ยอมมาร่วมทุนด้วย โดย 5 กลุ่มนี้เชื่อว่าไม่ได้รู้จักกัน แต่มีการจับมาเชื่อมโยงกัน เพื่อพุ่งไปหาคนที่ชื่อ "จ้าวเหว่ย" พร้อมฝากไปถึงบางคนว่า ทำอะไรแล้วต้องไปให้สุด เดี๋ยวมันค้างท่อ ส่วนตัวเชื่อว่าวันนี้คดีของบางคนที่ถูกกล่าวหา ตนเชื่อว่าเค้าชนะคดี 

เมื่อถามถึงสาเหตุที่ต้องเดินทางไปหา "ตู้ห่าว" ที่ สน. นายสันธนะ ระบุว่า การที่ตู้ห่าวออกมา ตนเห็นด้วย เพราะเขาจะได้เคลียร์ตัวเองขณะที่มีคนกล่าวหา และเค้าเป็นคนที่โอเค ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครมาร่วมทุนด้วย ซึ่งเพื่อน หรือมิตรแท้ มันควรจะคบกันตอนไหน หากเพื่อนกินมีได้ทุกวัน ข้อหาของตำรวจผมฟังแล้ว สมคบคืออะไร หรือร่วมกันจำหน่าย ความหมายมันไม่ใช่เลย 



ต่อข้อถาม การที่ออกมาอ้างว่า ร.อ.ธรรมนัส ฝากให้ดูแลกลุ่มทุนจีนเหล่านี้ ได้คุยกับ ร.อ.ธรรมนัส หรือยัง นายสันธนะ บอกว่า ไม่จำเป็นต้องคุย เค้าอยู่กับผมมาตั้งแต่เด็ก นิสัยเป็นอย่างไรเค้าก็รู้ ต่างคนต่างทราบหน้าที่ และเราทำเพื่ออะไร ตนเป็นตำรวจมาก่อน การที่ตนออกมาแบบนี้ หากว่ามีความผิดจะออกมาหรือไม่

เมื่อถามว่า ทำไมถึงมั่นใจกับเพื่อนกลุ่มทุนจีน นายสันธนะ เผยว่า หากเป็นกลุ่มทุนจีนใหม่ ยอมรับว่าช่วงหลังประมาณ 3-4 เดือนนี้เห็นผิดสังเกต มีการตั้งใจเดินทางเข้ามาลงทุน ใช้ประเทศไทยทำสิ่งที่ต่างประเทศทำไม่ได้ แต่ไม่ใช่กลุ่มเพื่อนของตน ซึ่งตอนนี้กลุ่มทุนจีนที่ทำธุรกิจถูกต้อง รู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมในประเทศไทย เขาก็เริ่มถอนทุนคืน และอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศไทย ตนทำทุกอย่าง ไม่ได้ทำให้ใครเชื่อ แต่ให้ระวังว่าพระเอกจะตายตอนจบ ส่วนเรื่องการรับเงิน ผมท้าเลย หากใครเห็นว่ากลุ่มทุนจีนเอาเงินมาให้ผมเท่าไหร่ ที่ไหน เมื่อไหร่ ผมจะคืนเงินให้ 10 เท่า ผมเป็นคนแบบนี้ คบเพื่อนไม่ได้มองที่เงิน หรือผลประโยชน์ หากขยายผลก็เอาเลย แต่อย่ามาแกล้งกัน

ส่วนที่ นายชูวิทย์ อ้างว่า ร.อ.ธรรมนัส พาตู้ห่าวไปหานักการเมืองคนหนึ่งที่ชื่นชอบนาฬิกาหรู นายสันธนะ บอกว่า เรื่องนี้ผมไม่ทราบ คุณเปิดประเด็นเรื่องนี้มาก็ไปเคลียร์ให้ชัดแล้วกัน โดยให้คนที่พูดยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง แล้วค่อยมาหักล้างกัน และว่าในประเทศนี้ ผมเชื่อในระบบศาล


...


ติดตามรายการ "เปิดปากกับภาคภูมิ" ได้ทุกวันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 15.30 น. เป็นต้นไปทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.