พบซากโครงกระดูกมนุษย์ปริศนาถูกฝังในสนามกีฬาเมืองคอน คาดอยู่มากว่า 5-6 ปี ตร.เร่งคลี่คดี คาดเป็นแรงงานต่างด้าวถูกฆ่าฝังดิน-คนงานเชื่อวิญญาณเฮี้ยนฉุด หน.คนงานตกหลุมจนขุดพบโครงกระดูก
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 พ.ย. 2565 ร.ต.ท.ธีรภัทร วิสุทธิธรรม รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่า พบซากโครงกระดูกมนุษย์ถูกฝังใต้ดิน บริเวณสถานที่ก่อสร้างกำแพงรั้วสนามฟุตบอล 2 ภายในสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย รอง ผกก.หน.พนักงานสอบสวน, ตำรวจชุดสืบสวน, ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน, แพทย์เวร รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช, จนท.มูลนิธิใต้เต็กตึ๊ง ไปที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงภายในสนามกีฬากลางฯ ด้านทิศตะวันตกของสนามกีฬากลางฯ ดังกล่าว ซึ่งเป็นสนามฟุตบอล 2 มีการคนงานนำรถแบ็กโฮมาขุดหลุมเป็นแนว เพื่อทำการก่อสร้างกำแพงรั้วสนามฟุตบอลดังกล่าว ลึกประมาณ 1 เมตรเศษ พบซากโครงกระดูกมนุษย์ ท่อนแขนแยกจำนวน 3 ชิ้น เศษกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยจำนวนหลายสิบชิ้น ฟันของมนุษย์จำนวน 2 ซี่ ซากกระดูกสันหลังบางส่วนอีกจำนวน 1 ชิ้น แต่จนท.ไม่พบท่อนหัวกะโหลกแต่อย่างใด โดยแพทย์เวรยืนยันว่าเป็นซากโครงกระดูกของมนุษย์แน่นอน แต่ยืนยันไม่ได้ว่าเสียชีวิตมานานเท่าไรแล้ว แต่สันนิษฐานอายุของโครงการดูกปริศนาดังกล่าวน่าจะไม่ต่ำกว่า 5-6 ปีอย่างแน่นอน แต่ไม่เกิน 10 ปี แต่ยังไม่สามารถระบุเพศได้
...
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ซากโครงกระดูกปริศนาดังกล่าวน่าจะเป็นคนงานแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานก่อสร้างฝังสายไฟขนาดใหญ่ใต้ดินบริเวณรอบๆ สนามฟุตบอล 2 ประมาณ 5-6 ปีที่ผ่านมา แต่ไม่เกิน 10 ปี แล้วอาจจะมีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนคนงานด้วยกัน แล้วถูกฆ่าจนตาย แล้วถูกนำไปฝังดินบริเวณดังกล่าว เพื่ออำพรางคดีเป็นเวลานาน ซึ่งไม่มีใครรู้ จนล่าสุดได้มีการพัฒนาปรับปรุงสนามฟุตบอล 2 ภายในสนามกีฬากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช มีการใช้รถแบ็กโฮขุดแนวดินเพื่อก่อสร้างกำแพงรั้วสนามฟุตบอลให้ได้มาตรฐาน จนขุดไปพบซากโครงกระดูกมนุษย์ดังกล่าว ซึ่ง จนท.ได้เก็บซากโครงกระดูกทั้งหมดไปเก็บเพื่อตรวจพิสูจน์ต่อไปที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราชแล้ว
ส่วนคนงานคนหนึ่ง กล่าวว่า ก่อนขุดพบซากโครงกระดูกมนุษย์ในครั้งนี้ ทางนายแจ็ค (นามสมมติ) หัวหน้าคนงาน เกิดเดินลื่นพลัดตกหลุมบริเวณดังกล่าว จนขุดพบเศษซากโครงกระดูก เหมือนดวงวิญญาณของโครงกระดูกดังกล่าวฉุดให้ลงหลุมให้เจอกับเศษซากโครงกระดูกดังกล่าว.