ผู้การฯ พัทลุง เผยเร่งเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ หนุ่มคลั่งยาควงปืนยิงหน้าร้านชำ เพื่อรวมหลักฐานประกอบสำนวนคดี ส่วนผู้ก่อเหตุโดนข้อหาฐานความผิดหลายข้อหา ส่วนรุ่นน้องเหยื่อกระสุนอาการยังสาหัส

เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2565  พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง กล่าวถึงกรณี นายเกริกพันธ์ กาญชนะพันธ์ อายุ 50 ปี ที่มีอาการคลั่งยา ควบคุมสติไม่ได้ ใช้จักรยานยนต์ฮอนด้า สีน้ำเงิน-ขาว ไม่ติดผ่านป้ายทะเบียน ใช้อาวุธปืนมาข่มขู่คู่อริ ยิงปืนขึ้นฟ้า และยิงใส่ร้านค้า ซึ่งมีคนอยู่ในร้านค้าหลายคน จนมีการยิงปะทะกันจนถูกคู่อริใช้อาวุธปืนยิงใส่เข้าที่ขาจนได้รับบาดเจ็บ และใช้รถยนต์ตราโล่ของตำรวจ สภ.ป่าพะยอม ที่นำกำลังตำรวจเข้ามาระงับเหตุขับหลบหนี จากนั้นได้ไปจี้บังคับให้ นายสิทธิพร ปิ่นแก้ว อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้องเป็นตัวประกัน และขับรถคันดังกล่าวไปรับบุตรสาววัย 13 ปี ไปในการหลบหนีด้วย ทั้งนี้เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. วานนี้ (16 ต.ค. 65) 

ต่อมารถไปชนราวเหล็กริมทาง และชนเสาไฟฟ้าจนรถตราโล่ได้รับความเสียหาย แต่นายเกริกพันธ์ ใช้อาวุธปืนบังคับให้ นายสิทธิพร ขับรถต่อไป เมื่อถูกปฏิเสธจึงถูก นายเกริกพันธ์ ใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงใส่เข้าที่บริเวณศีรษะและแขนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้น นายเกริกพันธ์ ได้นำบุตรสาวเข้าไปหลบหนีในบ้านของ นายชัยยันค์ คำตา ในพื้นที่ ม.6 ต.ป่าพะยอม อ.ป่าพะยอม ต่อมาชุดสวาทของ ภ.จว.พัทลุง และชุดหนุมานของ ตร.กองปราบ ได้เข้าระงับเหตุร้ายและเจรจากับคนร้าย จนทางด้านผู้ต้องหามอบอาวุธปืนให้กับบุตรสาวมามอบให้ตำรวจ จนเจ้าของบ้านต้องวิ่งหนีออกจากบ้าน และนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหาในที่สุด โดยเหตุเกิดบริเวณหน้าร้านค้าขายของชำใกล้สี่แยกหนองเรือ พื้นที่หมู่ที่ 8 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม เวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 16 ตุลาคม 2565 บถถนนสายตลิ่งชัน-หน้าป่า ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น

...

ผบก.ภ.จว.พัทลุง กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ต้องหากำลังนอนรักษาตัวใน รพ.พัทลุง เพราะถูกยิงเข้าที่ขา กระสุนฝังใน ยังผ่าออกไม่ได้ โดยอาวุธปืนขนาด .38 ที่นายเกริกพันธ์ นำมาใช้ในการก่อเหตุนั้น เป็นอาวุธปืนของบิดาที่เป็นอดีตกำนันที่เสียชีวิตไปแล้ว สำหรับนายเกริกพันธ์นั้นจะถูกดำเนินคดีหลายข้อหา ประกอบด้วย ความผิดฐานมีอาวุธปืน กระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้ามาในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาต พยายามฆ่าชาวบ้าน (ในที่เกิดเหตุ) ทำให้เสียทรัพย์ ลักทรัพย์ของทางราชการ (รถยนต์กระบะ) และการใช้อาวุธปืนชี้ตัวเพื่อนรุ่นน้องนั้นทำให้ถูกดำเนินคดีฐานความผิดหน่วงเหนี่ยวกักขัง และพยายามฆ่าผู้อื่น

พล.ต.ต.ตานิตย์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามจากการกระทำความผิดของผู้ต้องหาและกลุ่มบุคคลที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ ณ ร้านค้าขายของชำนั้น ทางตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุแล้ว ทั้งนี้ เพื่อขยายผลการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ การตรวจเขม่าดินปืนของบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือชาวบ้าน การตรวจพิสูจน์หัวกระสุนปืนที่ยังฝังในขานายเกริกพันธ์ ซึ่งจะสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นอาวุธปืนที่ยิงมาจากไหน ใครเป็นผู้ยิง รวมทั้งการสอบปากคำจากพยานแวดล้อมในสถานที่เกิดเหตุ เพื่อพิสูจน์การกระทำกับบุคลทุกฝ่ายในสถานที่เกิดเหตุ ส่วนในกรณีที่ ตร.เสียบกุญแจไว้ในรถยนต์นั้นน่าจะมาจากการขาดประสบการณ์ในกรณีวิกฤติที่จะต้องหลบวิถีกระสุนของคนร้าย

ผบก.ภ.จว.พัทลุง กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้ที่ติดยาเสพติด มีอาการคลุ้มคลั่งที่มีอาการทางจิตประสาท และจะก่อเหตุร้ายอยู่เป็นประจำนั้น จากการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวพบว่าทั้ง 16 โรงพักของ จ.พัทลุง มีกลุ่มบุคคลดังกล่าวมากถึง 264 ราย มากที่สุดอยู่ใน สภ.เมืองพัทลุง จำนวน 90 ราย ล่าสุดผู้ที่ถูกพ่อตัวเองยิงเสียชีวิตในพื้นที่ ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน นั้นก็มีรายชื่อของบุคคลคลุ้มคลั่งเช่นกัน ส่วนนายสิทธิพรที่ถูกคนร้ายยิงเข้าที่ศีรษะและขา ที่กำลังรักษาตัวในห้องไอซียู รพ.พัทลุง นั้น ล่าสุดทราบว่ายังไม่รู้สึกตัว ในส่วนของการยิงกันในบริเวณหน้าร้านขายของชำนั้น ตนได้มอบหมายให้ จนท.พิสูจน์หลักฐานพัทลุง เข้าไปตรวจสอบวิถีกระสุนแล้วเมื่อตอนสายของวันนี้ที่ผ่านมา

...

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานพัทลุงเข้าตรวจสอบรถตำรวจคันที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อดูวิถีกระสุนและร่องรอยการถูกยิง พบว่ารอยกระสุนที่ยิงเข้ามาในรถตำรวจนั้นเป็นกระสุนปืนที่ยิงมาจากข้างนอก แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นอาวุธปืนชนิดใด เพราะไม่พบหัวกระสุน แต่คาดว่าเป็นอาวุธปืนยาว และจากการไล่ดูกล้องวงจรปิดเส้นทางที่คนร้ายชิงรถตำรวจหลบหนี พบว่าขณะที่ขับรถผ่านกล้องยังมีรถกระบะสีดำ ขับไล่ตามหลังมา แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือของคู่กรณีที่ขับตามยิงไล่หลัง.