"ปวีณา" พาแม่เข้าเยี่ยมน้องเนย เหยื่อไอ้รุจ หนุ่ม 27 คนร้ายโรคจิต ลวงไปขัง ทำร้ายร่างกายปางตาย ประสานกองปราบฯช่วยไว้ได้ ล่าสุดอาการปลอดภัยแต่ต้องเยียวยารักษาอีกเป็นปี แม่ลูกกอดกันกลม เรียกร้องคดีข่มขืนแล้วฆ่า ต้องประหารสถานเดียวเท่านั้น  

เวลา 14.00 น.วันที่ 15 ต.ค. ที่โรงพยาบาลพัทลุง อ.เมืองพัทลุง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พร้อมด้วยมารดาของ น.ส.เนย (นามสมมติ) ที่ถูกคนร้าย นายธนเดช หรือรุจ อายุ 27 ปี หลอกมากักขังกระทำทารุณจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เดินทางมาเยี่ยมอาการของบุตรสาว ทันทีที่มารดาได้พบบุตรสาวในที่นอนพักรักษาตัวในห้องพิเศษ รพ.พัทลุง ทั้ง 2 คนโผเข้ากอดกันและร้องไห้น้ำตานองหน้า ซึ่งนางปวีณาได้มอบกระเช้าของขวัญแก่ น.ส.เนยด้วย

นางปวีณา เผยว่า ต้องขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่ร่วมกันช่วยเหลือและดูแลรักษาหญิงสาวรายนี้จนปลอดภัย และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ซึ่งเป็นคนร้ายที่คุณแม่ประสานงานขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิฯ ลูกสาวถูกหลอกมาตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2565 จนสามารถช่วยเหลือได้ในวันที่ 12 ตุลาคม 2565 ที่ จ.พัทลุง โดยคนร้ายรายนี้มีพฤติกรรมที่โหดร้ายมาก ส่วนการถูกหลอกนั้นมาจากการเล่นเฟซบุ๊ก ต่อมามีการส่งภาพโป๊เปลือยไปให้แม่ มีร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย มีบาดแผลตามตัว มีการโทรศัพท์ไปขอเงินจากคุณแม่ ให้คุณแม่ฟังเสียงลูกที่ถูกทำร้ายด้วย เป็นเสียงโอดครวญด้วยความเจ็บปวดของลูกแล้วคนร้ายได้วางสายไป ต่อมาได้โทรศัพท์ให้คุณแม่โอนเงิน โดยบอกที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์

"คนร้ายได้โทรศัพท์หาแม่ โดยถามว่ามึงเอาเบอร์โทรศัพท์ของกูไปให้ใคร มีคนโทรศัพท์มาหากูหลายราย แม่บอกว่าไม่ทราบ จนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหาในที่สุด อย่างไรก็ตามในวานนี้ (14 ต.ค.) ได้มีผู้หญิงรายหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนีโทรศัพท์มาแจ้งว่า เขาก็เป็นเหยื่อของคนร้ายรายนี้ด้วยเหมือนกัน และถูกตามล่า ตามฆ่าเหมือนกัน ซึ่งเชื่อว่ามีผู้หญิงอีกหลายรายที่ถูกกระทำจากชายคนนี้ โดยหญิงสาวคนดังกล่าวได้ส่งวิดีโอมาให้ด้วย และทางมูลนิธิฯ ได้ส่งวิดีโอไปให้ตำรวจกองปราบแล้ว เพื่อขยายผลไปสู่การจับกุมต่อไป"

...

นางปวีณา กล่าวด้วยว่า การร้องเรียนเรื่องผู้หญิงถูกทำร้ายนั้นมีมากมายไม่ต่ำกว่าเดือนละ 800 ราย ซึ่งเคสผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในเยอรมนีรายนี้บอกว่า รู้จักกับผู้ชายทางเฟซบุ๊กตอนที่อาศัยอยู่ใน จ.เชียงใหม่ ยังบอกด้วยว่ามีผู้หญิงหลายรายถูกกักขัง ทำร้ายร่างกาย มีอยู่รายหนึ่งที่ถูกยัดยาบ้าเข้าปากเป็นกำๆ และถูกชกต่อยจนฟันหักไปหลายซี่ ตนโชคดีที่หลบหนีเงื้อมมือผู้ชายคนนี้มาได้ นางปวีณา ยังกล่าวอีกว่าในโซเชียลมีทั้งดีและไม่ดี มีกลุ่มอาชญากรอยู่ในโซเชียลจำนวนมาก จนหลายรายถูกหลอกไปค้ามนุษย์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งทุกอย่างอยู่ในวังวนของยาเสพติดทั้งนั้น

"การติดคุก 10 ปี และลดเหลือ 5 ปีนั้นสิ่งนี้เป็นปัญหาสำคัญ เพราะเมื่อพ้นคุกมาแล้วก็มักจะมาก่อเหตุร้ายซ้ำอย่างกรณีนี้ โดยก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ว่าไปก่อเหตุร้ายและไปทารุณกรรมไปไม่รู้ว่ากี่ราย โดยไม่มีการแจ้งความและเป็นข่าว ดังนั้น ใครก็ตามที่ถูกชายคนนี้กระทำการทารุณกรรมให้เข้าแจ้งความกับตำรวจ หรือมูลนิธิปวีณาฯก็ได้ และขอเรียกร้องให้ผู้ต้องหาถูกประหารชีวิต บุคคลที่ข่มขืนแล้วฆ่าต้องไม่ปรานี ไม่ต้องให้ติดคุกตลอดชีวิต ต้องประหารชีวิตสถานเดียวเท่านั้น"

ทางด้านแม่ของสาวรายนี้ เผยว่า ดีใจที่บุตรสาวได้มีชีวิตใหม่ ขอขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่ให้การช่วยเหลือและการดูแลรักษาเมื่อเห็นสภาพลูกแล้วใจสลาย ตนเลี้ยงลูกมาไม่เคยตีลูก และรู้สึกได้ว่าลูกแม่คงถูกทรมาน โดยสังเกตจากคำพูดที่ไม่ใช่ภาษาภาคเหนือ แสดงว่าลูกถูกบังคับให้พูด นอกจากนั้นยังมีการขอเงินมาครั้งละ 200-500-2,000 บาท จากญาติๆ และเพื่อนซึ่งมิใช่นิสัยของลูกตน รวมทั้งการส่งภาพให้เห็นถึงสภาพการถูกทำร้ายร่างกายจนตนถึงกับหมดสติและต้องเข้าโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตาม ได้บอกลูกเสมอว่าจะคบกับใครต้องดูให้ดี แม่ไม่ห้ามเพราะลูกโตแล้ว แต่หากผิดพลาดไปแม่ต้องเดือดร้อนและเสียใจเพราะแม่มีลูกเพียง 2 คน ส่วนวันที่ลูกออกจากบ้านก็ไม่ได้บอกให้แม่ทราบ และปิดโทรศัพท์ในขณะเดินทาง จนมีภาพโป๊เปลือย ภาพถูกทำร้ายร่างกายในเฟซ ในไลน์ ที่เพื่อนๆ ของลูกนำมาให้ดู ชายคนนี้เป็นคนเลวมากต้องประหารชีวิตสถานเดียว คนที่ทำร้ายผู้อื่นอย่างโหดเหี้ยมไม่ควรอยู่เป็นคน ขอเรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินประหารชีวิตสถานเดียว ขอให้ลูกสาวของแม่เป็นเหยื่อรายสุดท้ายของชายคนเลวคนนี้

ทางด้าน นพ.วุฒิชัย ดิลกธราดล รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ รพ.พัทลุง เผยว่า ต้องให้ใบหน้าลดการบวมจึงจะผ่าตัดได้ ส่วนซี่โครงที่หัก 9 ซี่นั้น จะใช้วิธีการให้ซี่โครงติดกันเองซึ่งจะต้องใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ และกระดูกสันหลังที่ร้าวจะต้องใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3 เดือน ปัญหาด้านจิตใจจะต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งทางครอบครัว สังคม จะต้องร่วมกันดูแลด้วย