หนุ่มโรคจิตหลอกผู้หญิงมากักขังทรมานจนตาย เหยื่อสาวรายใหม่เกือบไม่รอด ถูกทุบตีจมูกหัก ซี่โครงหัก 9 ซี่ โชคดีตำรวจช่วยออกมาก่อน เผยคนร้ายมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ ขายตัวกับผู้ชายและชอบทำร้ายผู้หญิง ด้านแม่ค้าร้านอาหารเผย ผู้ต้องหาไม่มีพิรุธเลย ดูร่าเริงเป็นปกติ ไม่อยากเชื่อเป็นฆาตกรจับผู้หญิงมาขังและทำร้ายจนตาย เชื่อน่าจะมีเหยื่อรายอื่นอีก
วันที่ 13 ต.ค. ผู้สื่อข่าว จ.พัทลุง รายงาน จากกรณี ตำรวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บุกเข้าจับกุมตัว นายธนเดช หรือรุจ แก้วช่วง อายุ 27 ปี ตามหมายจับ ศาลอาญาตลิ่งชันที่ 473/2565 ลงวันที่ 29 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย" ในห้องพักในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ต.คูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง และสามารถช่วยเหลือ นางสาวเนย (นามสมมติ) อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดลำพูน ที่อยู่ในห้องพักดังกล่าว ในสภาพถูกทำร้าย บาดเจ็บมีรอยฟกช้ำตามร่างกายใบหน้าบวมช้ำจนผิดรูป โดยจับกุมนายธนเดช และช่วยเหลือนางสาวเนย ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลพัทลุง เหตุเกิดเมื่อตอนเย็นวันที่ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา
ต่อมา นายแพทย์จรุง บุญกาญจน์ ผอ.โรงพยาบาลพัทลุง เผยกับผู้สื่อข่าวขณะมาตรวจอาการของสาวเคราะห์รายที่หอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง รพ.พัทลุง ว่าคนไข้หญิงรายนี้รู้สึกตัวดี แต่ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายในหลายๆ แห่ง สันจมูกหัก สมองได้รับกระทบกระเทือน จากการเอกซเรย์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่พบมีเลือดคั่งในสมอง ส่วนกระดูกซี่โครงหัก 9 ซี่ ประกอบด้วย ด้านขวา 3 ซี่ ด้านซ้าย 6 ซี่ และบริเวณกระดูกสันหลังในระดับสะเอวมีรอยหัก 3 จุด คนไข้ยกมือยกเท้าได้ แต่ทางแพทย์ พยาบาลห้ามเดิน เพราะอยากให้พักฟื้นอย่างเต็มที่ เพื่อลดอาการบาดเจ็บของบาดแผลและกระดูก
...
ในส่วนของการดูแลรักษาผู้ป่วย ทางโรงพยาบาลได้ระดมคณะแพทย์ที่มีความรู้ ความสามารถเฉพาะทางมาดูแลรักษาอย่างเต็มที่ อาทิ แพทย์ศัลยกรรมกระดูก แพทย์ศัลยกรรมใบหน้า คาดว่าจะต้องใช้เวลาในการดูแลรักษาไม่น้อยกว่า 3–4 สัปดาห์ ส่วนการบวมที่ใบหน้านั้นมาจากการฟกช้ำที่บริเวณจมูกที่หัก
"บาดแผลที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้มาจากการกระทำโดยใช้ของแข็ง แต่มาจากเท้า และการทำร้ายร่างกายโดยเฉพาะจากการชกต่อย เตะ กระทืบ รวมทั้งการเหยียบซ้ำจนกระดูกซี่โครงหัก ซึ่งจะต้องใช้การผ่าตัดในการรักษาต่อไป ส่วนซี่โครงหัก 9 ซี่ ซี่โครงที่หักไม่ได้ทิ่มแทงอวัยวะภายในจนทำให้มีเลือดในช่องท้อง แต่หากว่ามีการกระทำซ้ำติดต่อกันที่ซี่โครงอาจะจะทำให้ซี่โครงไปแทงอวัยวะภายใน อาทิ ปอด จนทำให้ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตได้ ขณะนี้มีญาติกำลังเดินทางจาก จ.ลำพูน มาดูแลผู้ป่วยรายนี้แล้ว"
ทางด้านนางสาวเนย กล่าวว่า หลังจากที่เข้ามาพักในอพาร์ตเมนต์ก็ไม่ได้ออกไปไหนเลย อาหารเขา(ผู้ต้องหา)ก็ซื้อให้กินเป็นมื้อๆ กลางวันผู้ชายจะออกไปทำงานตามปกติ ซึ่งคาดว่าเขาน่าจะไปขายตัวให้กับผู้ชายด้วยกัน โดยเขาจะเป็นฝ่ายรุก จะมีการส่งภาพอวัยวะเพศให้ลูกค้าดู และได้รับเงินจากลูกค้าประมาณครั้งละ 100-200 บาท และน่าจะเสพยาเสพติดด้วย ส่วนใหญ่เขาจะเสพตอนที่เขาเล่นเกมสล็อต แต่ตนก็ไม่ทราบว่าเกมสล็อตเป็นอย่างไร ส่วนที่รู้จักกับชายคนนี้มาจากการติดต่อทางเฟซบุ๊ก เพราะชอบสะสมเพื่อน มีการทักเฟซจนนำไปสู่สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตนในที่สุด
ขณะที่เจ้าของที่พักที่เกิดเหตุ ยืนยันว่าที่ผ่านมา คนในอพาร์ตเมนต์ไม่เคยได้ยินเสียงทำร้ายร่างกายกันภายในห้องพัก หรือเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเลย อาจเป็นเพราะชั้น 3 ที่นายธนเดชพัก อยู่ห้องริมสุดท้ายของชั้น 3 ซึ่งจะไม่ติดกับผู้เช่าพักห้องอื่น ประกอบกับตนพักอยู่ชั้น 2 ทำให้ไม่ได้ยินเสียง และก็ไม่ค่อยได้พูดคุยกับนายธนเดชสักเท่าไร ทุกครั้งที่เจอเจ้าตัวก็จะยิ้มทักทายกันปกติเท่านั้น และไม่เคยเห็นนายธนเดช พาน้องเนยขึ้นลงอพาร์ตเมนต์เลยด้วยซ้ำ คิดว่า นายธนเดช อยู่คนเดียวมาตลอด มารู้อีกทีเมื่อวานนี้ตกใจมากที่ตำรวจกองปราบนำกำลังขึ้นไปปิดล้อมจับกุมนายธนเดช บนอพาร์ตเมนต์ ซึ่งตนก็ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ไม่คิดเลยว่านางสาวเนย ซึ่งเป็นหญิงสาวที่เคยเห็นในช่วงแรกๆ จะถูกขังอยู่ภายในอพาร์ตเมนต์ของตน พอเห็นสภาพหน้าตาที่ปูดบวมจากการถูกทำร้ายอย่างหนักก็สงสารมาก อยากให้ตำรวจช่วยดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เสียใจมากที่มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในอพาร์ตเมนต์ หากรู้คงไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้แน่นอน โชคดีที่ตำรวจบุกมาจับเสียก่อน หากช้าไป นางสาวเนยอาจจะเสียชีวิตก็ได้
ขณะที่เจ้าของร้านอาหารตามสั่งรายหนึ่ง เผยว่า ผู้ต้องหาแวะกินข้าวที่ร้านทุกวันเพราะติดใจหมูกรอบอร่อย ทุกครั้งที่มาไม่เคยพาผู้หญิงลงมาด้วย แต่จะสั่งข้าวเพิ่มอีก 1 กล่อง อ้างเอาไปให้แฟนสาวบนห้อง เชื่ออาจมีเหยื่อมากกว่า 1 ราย เพราะเคยแอบได้ยินผู้ต้องหาแชตและคุยโทรศัพท์กับกิ๊กตลอดเวลาที่มานั่งกินข้าวที่ร้าน
"ในส่วนนิสัยใจคอเท่าที่พูดคุย เจ้าตัวเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน บางทีนั่งกินข้าวอยู่ ก็จะแชตและโทรศัพท์คุยกับสาวคนอื่น และแกล้งบอกว่า พี่แป๊บนึงนะ เดี๋ยวขอคุยกับกิ๊กก่อน และจะเห็นผู้ต้องหา โทรคุยกับสาวทุกครั้ง ก่อนจะเอาข้าวขึ้นไปให้แฟนสาว มีอยู่วันหนึ่ง ได้ยินเจ้าตัวพูดกับสาวในโทรศัพท์ว่า พี่อยากเจอผมไหม ถ้าพี่อยากเจอ พี่นัดผมมาได้เลยนะ เดี๋ยวผมจะไปหาพี่เดี๋ยวนี้เลย ซึ่งเชื่อว่า ไม่ใช่นางสาวเนยแน่ ที่ถูกผู้ต้องหาล่อลวงมาทำร้าย และอาจจะเหยื่อผู้หญิงคนอื่นๆ อีก อยากให้ตำรวจลองขยายผลจากการค้นประวัติแชตในโทรศัพท์ผู้ต้องหาดู ซึ่งส่วนตัวที่ผ่านมาไม่คิดเลยว่า เจ้าตัวจะมีพฤติกรรมโหดเหี้ยมขนาดนี้ พอรู้ประวัติที่ก่อคดียาวเป็นหางว่าวก็ยิ่งเหลือเชื่อ เพราะเจ้าตัวใช้ชีวิตปกติมาก ไม่มีพิรุธเหมือนคนกำลังหนีคดีมาเลย"