ตำรวจรวบแก๊งบุกโรงแรมร้างบนเกาะสมุยขโมยทรัพย์สิน ได้ผู้ต้องหาเพิ่ม 9 คน พร้อมทั้ง 2 คนสั่งการชาวไทย และ 1 คนรับซื้อของโจร ขณะที่ ตามยึดของกลางที่ซุกในโกดัง 381 ชิ้นรวมเสียหายกว่า 17.5 ล้าน
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ก.ย.65 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งจาก นางวารี โชคคณาพิทักษ์ พร้อมด้วย นางยมนา พูลสวัสดิ์ ทั้งสองเป็นเจ้าของโรงแรมบลูลากูน เดอะ ทีค วิง ตั้งอยู่ที่ ม.2 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีคนร้ายเข้าไปลักเอาทรัพย์สินภายในโรงแรม บลูลากูน เดอะทีค วิง ดังกล่าวจนได้รับความเสียหายมากกว่า 70 ล้านบาท ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ควบคุมดูแล การสืบสวนคดีดังกล่าว เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนอย่างมาก รวมทั้งเป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8 และ พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ให้เร่งทำการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าวมาดำเนินคดีโดยเร็ว
...

ล่าสุด ทาง พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด พ.ต.ท.อนุมัติ รื่นพานิช รอง.ผกก.สส. พ.ต.ต.ภานุมาศ ช่วยเกื้อ สว.สส.พร้อมกำลังตำรวจ สืบสวน ได้ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ และขยายผล โดยการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เบื้องต้นทราบว่า สถานที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าว ได้ถูกเช่าเพื่อไปทำเป็นโรงแรมตั้งแต่ปี 2533 ภายใต้สัญญาเช่า 30 ปี ครบกำหนดเมื่อปี 2563 โดยผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ได้รับพื้นที่ ดังกล่าวคืนพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (โรงแรมและทรัพย์สินภายในโรงแรมทั้งหมด) เมื่อประมาณปลายปี 2564 ซึ่งทางผู้เสียหายได้มีการจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยมาดูแลในช่วงเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะปล่อยทิ้งร้างหลังจากหมดสัญญาจ้างกับพนักงานรักษาความปลอดภัย

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ส.ค.65 ผู้เสียหายได้เข้าไปตรวจดูภายในโรงแรมพบว่ามี ทรัพย์สินภายในโรงแรมสูญหายประมาณ 23.5 ล้านบาท จึงได้เข้าแจ้งความหลังรับแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุ จนสามารถคนร้ายมาได้และเชื่อว่า น่าจะมีหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุมีความเกี่ยวข้องกับผู้เช่าเดิม โดยหลังมีการส่งมอบที่ดินคืนให้แก่ผู้เสียหาย ก็ได้วางแผนกลับมาลักเอาทรัพย์สินภายในโรงแรมดังกล่าว เพื่อนำไปขายต่อ
เจ้าหน้าที่สืบสวน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 9 ราย ประกอบด้วย 1. นายโอมชัยศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี เป็นผู้วางแผน 2. น.ส.ณัชชา หรือแพท (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี เป็นผู้วางแผน 3. น.ส.ขวัญใจ หรือน้อย อายุ 40 ปี เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์ 4. นายอภิพัฒน์ หรือโอ๊ต อายุ 33 ปี เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์ 5. นายกฤษณะ หรือหนุ่ย อายุ 33 ปี เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์ 6.Mr.Thuya Soe อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์ 7. Mr.Min Phyo Aung อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ลงมือลักทรัพย์ 8.Mrs.Phyu อายุ 20 ปีสัญชาติเมียนมาเป็นผู้ลงมือลักทรัพย์ 9. น.ส.ภัคจิรา อายุ 42 ปี เป็นผู้รับซื้อของที่ได้มาจากการลักทรัพย์

...
สำหรับของกลาง ที่ทางเจ้าหน้าที่ติดตามยึดมาได้ หลายรายการ ได้แก่ รถที่ใช้ใน การก่อเหตุจำนวน 2 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 1 คัน ชุดถังแก๊สที่ใช้ในการตัดเหล็ก จำนวน 1 ชุด ท่อนเหล็ก วงกบประตู บานหน้าต่างไม้ แผ่นเมทัลชีท ที่ได้จากการลักมาจากที่โรงแรมจำนวนมาก มูลค่าทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายประมาณการในครั้งแรกประมาณ 17,548,000 บาท ขณะนี้สามารถติดตาม กลับมาได้จำนวน 381 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 659,000 บาท และตรวจพบทรัพย์สินในที่เกิดเหตุที่ยังไม่สูญหาย จำนวน 1,001 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,557,500 บาท สรุปความเสียหายเบื้องต้นคิดมูลค่าประมาณ 14,334,500 บาท

สำหรับกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยร่วมกัน ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วย ประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือรับของโจร” อัตราโทษจำคุก ตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท.
...