ตำรวจกองปราบปราม แถลงรวบ เสี่ยอั๋น ลูกเจ้าของห้องเย็น ย่านมหาชัย หึงโหดแอบสะกดรอยบุกยิงหนุ่มใหม่อดีตกิ๊กสาว ตายคาอ่าง เผยเตรียมหลบหนีเข้าประเทศเพื่อนบ้าน พบประวัติก่อคดีอื้อ
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 ที่ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รอง ผกก.4 บก.ป. พ.ต.ต.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป. ร่วมแถลงผลการจับกุมนายรุ่งโรจน์ เทียนย้อย อายุ 40 ปี หรือ “เสี่ยอั๋น” ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมแพ ที่ จ 90/2565 ลง 8 ก.ย. 2565 ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรอง, มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” หลังจับกุมตัวได้ที่ บริเวณสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 5 บก.ทล. อ.เมือง จ.ลำปาง
...
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ นายยุทธภัณฑ์ พ่วงนวม อายุ 27 ปี พร้อม น.ส.เบญจมาศ ภูคำ อายุ 39 ปี เปิดห้องพักรีสอร์ตในพื้นที่ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ได้มีคนร้ายเป็นชาย ก่อเหตุบุกเข้ามาใช้อาวุธปืนยิงนายยุทธภัณฑ์ จนเสียชีวิตคาอ่างอาบน้ำ ก่อนจะพา น.ส.เบญจมาศ หญิงสาวที่มากับผู้ตาย ขึ้นรถแล้วขับหลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าคนร้ายดังกล่าว คือ นายรุ่งโรจน์ เป็นเจ้าของธุรกิจห้องเย็นในตลาดมหาชัย และ เคยคบหากับ น.ส.เบญจมาศ ก่อนที่จะเลิกรากันไป จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ ต่อมาตำรวจ กก.3.บก.ป. สืบทราบว่า นายยุทธภัณฑ์ ได้เตรียมการขับรถหลบหนีมุ่งหน้าไปยัง จ.เชียงใหม่ เพื่อเตรียมที่จะข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงประสาน กก.4.บก.ป. และ กก.4.บก.ทล วางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ตามจุดเส้นทางต่างๆ จนสามารถจับกุมตัวได้ดังกล่าว โดยมี น.ส.เบญจมาศ นั่งโดยสารอยู่เบาะข้างคนขับ
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวต่อว่า จากสอบปากคำนายรุ่งโรจน์ และ น.ส.เบญจมาศ ยังให้การขัดแย้งกันอยู่ ทั้งในเรื่องความหึงหวงและปัญหาทางการเงิน จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าสาเหตุแท้จริงเกิดจากอะไร ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการสอบปากคำอย่างละเอียด รวมถึงตรวจสอบพยานหลักฐานอื่นๆ ให้แน่ชัด เพื่อสรุปสาเหตุที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามเบื้องต้น ตัว นายรุ่งโรจน์ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เท่าที่สังเกตพบว่า ยังอยู่ในอาการเครียด ส่วน น.ส.เบญจมาศ ให้การว่า ก่อนหน้านี้ได้ทะเลาะกับผู้ต้องหา ก่อนจะกลับมาบ้านที่ จ.ขอนแก่น นาน 1 เดือน และเริ่มสานสัมพันธ์คบหากับนายยุทธภัณฑ์ ผู้ตาย ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนและไปเที่ยวกันใกล้กับโซนที่พักจุดเกิดเหตุ ก่อนจองที่พักดังกล่าวไว้
โดยผู้ต้องหาทราบจากการโพสต์เช็กอินลงโซเชียล จึงเดินทางมาจาก จ.สมุทรสาคร เพื่อจองที่พักและก่อเหตุ โดยสาเหตุที่ต้องขึ้นรถไปกับผู้ต้องหาหลังเกิดเหตุ เพราะถูกปืนจี้และบังคับให้ขึ้นรถไป พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมายังติดต่อกันอยู่ ส่วนรายละเอียดเชิงลึกอยู่ในสำนวน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด ต้องรอการพิสูจน์ทราบให้แน่ชัดอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางสืบสวนคดีดังกล่าวพบว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 14.00 น. นายยุทธภัณฑ์ ผู้ตาย และน.ส.เบญจมาศ ได้เดินทางมาเปิดห้องพักที่รีสอร์ต ด้วยรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีขาว จำนวน 1 ห้อง ก่อนเข้าไปพักและสั่งเบียร์ไปดื่มภายในห้อง
กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. ลูกค้าที่พักอยู่ในห้องอื่นได้ยินเสียงปืนหลายนัด จึงโทรแจ้งผู้จัดการรีสอร์ตซึ่งอยู่ที่บ้าน ผู้จัดการจึงโทรให้คนไปตรวจสอบ ขณะที่กำลังเดินไปได้เห็น น.ส.เบญจมาศ เดินสวนมาพร้อมกับนายรุ่งโรจน์ ก่อนจะขึ้นรถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีขาวแล้วขับออกไป จนมีผู้มาพบศพผู้ตายในตอนเช้า
นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายรุ่งโรจน์ พบก่อคดีมาแล้ว 5 คดี แบ่งเป็น คดีพยายามฆ่า ท้องที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร ปี 2553 คดีฆ่าผู้อื่น สภ.เมืองสมุทรสาคร ปี 2555 คดีครอบครองและพกพาอาวุธปืนปี 2555, คดียิงปืนในที่สาธารณะช่วงเทศกาลปีใหม่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ปี 2563 อีก 2 คดี และ คดียิงปืนในที่สาธารณะในพื้นที่ จ.ขอนแก่น อีก 1 คดี
...
สำหรับคดีฆ่าและพยายามฆ่า จบไปแล้ว ยังเหลือคดีครอบครองอาวุธปืน อยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล ก่อนจะมีการยื่นขอประกันตัวออกมา แต่หลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวออกมาแล้วกลับไม่ไปรายงานกับศาลตามนัดจนถูกศาลสมุทรสาคร และศาลจังหวัดขอนแก่น ออกหมายจับไว้ด้วย.