บก.ปอศ. บุกทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ใน จ.ขอนแก่น รวบ "เจ๊เหมย-ผัว" พร้อมลูกสมุน ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 912.5 ต่อปี แฉพฤติกรรมทวงหนี้โหด ทำร้าย-ข่มขู่-ถ่ายคลิปประจาน หากลูกหนี้เบี้ยวชำระ 

เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ได้มอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสังกัด เร่งกวาดล้างและจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างเข้มงวด

โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งมี  พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ในฐานะ ผบก.ปอศ. ระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบอย่างจริงจัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

สืบเนื่องจากประมาณเดือน มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมามี น.ส.เอ (นามสมมติ) ได้ร้องเรียนมายัง ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากนายทุนเงินกู้นอกระบบใช้นามว่า "เจ๊เหมย" ซึ่งเป็นนายทุนเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ของ
จ.ขอนแก่น มีพฤติการณ์ปล่อยดอกเบี้ยโหด ร้อยละ 912.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งผู้เสียหายไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยได้ เจ๊เหมยกับพวกได้บุกทำร้ายร่างกายถึงบ้านพัก โดยมีการตบตี แม้ลูกหนี้ได้กราบอ้อนวอนเนื่องจากตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ แต่เจ๊เหมยก็ไม่ปรานี หนำซ้ำยังถ่ายคลิปประจาน ทำให้ลูกหนี้ได้รับบาดเจ็บ เกิดความหวาดกลัวและอับอายเป็นอย่างมาก ศปน.ตร.โดย บก.ปอศ. ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ต.พุฒิเดช จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ.ดำเนินการสืบสวนและจับกุมผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

...

จากการสืบสวนทำให้ทราบว่า "เจ๊เหมย" คือ น.ส.ณัฏฐนิช (ขอสงวนนามสกุล) และ นายฤกษ์ชัย (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นสามีของเจ๊เหมย มีพฤติการณ์ร่วมกันปล่อยเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และเปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อว่า "แชร์บ้านเหมย" ซึ่งมีการลงคลิปชักชวนให้มากู้เงิน โดยนอกจากการปล่อยเงินกู้ตามปกติแล้ว ยังมีการปล่อยเงินกู้ในลักษณะอำพราง ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนทอง หรือผ่อนสินค้าแบรนด์เนมยี่ห้อต่างๆ และยังพบว่ามีการลงคลิปประจานลูกหนี้ที่ค้างชำระ โดยมีการลงคลิปทำร้ายร่างกายลูกหนี้จำนวนหลายคลิป ในเพจเฟซบุ๊กเพื่อเป็นการประจานและข่มขู่ลูกหนี้รายอื่นไม่ให้เอาเยี่ยงอย่าง โดยนอกจากเจ๊เหมยแล้ว ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับ เจ๊เหมย หรือ น.ส.ณัฏฐนิช ซึ่งเป็นนายทุนหลัก และ นายฤกษ์ชัย (สามี) นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสืบสวนจนทราบสถานที่และแหล่งกบดานที่เกี่ยวข้องกับเจ๊เหมย ดังนี้

1. บ้านเลขที่ 14 หมู่ 9 ต.สีชมพู อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น
2. บ้านเลขที่ 399,399/1 หมู่ 10 ต.วังเพิ่ม อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ซึ่งเปิดเป็นร้านทองบังหน้า ในชื่อ "ห้างทองเหมย"
3. บ้านเลขที่ 414/7 หมู่ 20 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "บจก.สมคิดลิสซิ่ง" โดยใช้เป็นสถานที่พักอาศัยของลูกน้อง ที่ทำหน้าที่ทวงหนี้ และใช้เป็นที่ทำบัญชี

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. ประกอบด้วย พ.ต.ท.ธนิต กรปรีชา พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี รอง ผกก.๕ บก.ปอศ. พ.ต.ท.ประดิษฐ์ สุวรรณดี พ.ต.ต.จรัส แก้วสง่า พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.5 บก.ปอศ. เข้าตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องของ "แก๊งเจ๊เหมย" ผลการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาได้จำนวน 2 ราย คือ

1. น.ส.ณัฏฐนิช หรือ "เจ๊เหมย" ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1817/65 ลง 31 ส.ค.65
2. นายฤกษ์ชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่1818/65 ลง 31 ส.ค. 65
ซึ่งทั้งสองคนเป็นนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบ พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 14 รายการ ได้แก่ 1) โทรศัพท์ จำนวน 12 เครื่อง 2) คอมพิวเตอร์ จำนวน 2 เครื่อง 3) iPad จำนวน 1 เครื่อง 4) สมุดบัญชี จำนวน 9 เล่ม 5) เอกสารเกี่ยวกับเงินกู้ จำนวน 40 ฉบับ 6) รถยนต์หรู จำนวน 2 คัน 7) เงินสด จำนวน 100,000 บาท 8) สัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 1 ฉบับ 9) นามบัตรและใบปลิว จำนวน 401 แผ่น 10) สมุดบัญชีรายชื่อลูกหนี้ จำนวน 6 ฉบับ 11) เครื่องนับเงินสดและเครื่องคิดเลข จำนวน 4 เครื่อง 12) แบบฟอร์มเงินกู้ จำนวน 220 เล่ม 13) ทองรูปพรรณ น้ำหนักรวมประมาณ 200 บาท 14) เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 30 รายการ

อีกทั้งยังพบผู้ร่วมขบวนการอีก จำนวน 2 ราย ซึ่งจะได้ขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดย พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติการณ์ลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบ และเรียกดอกเบี้ยอัตราสูง มีพฤติกรรมอำพรางเปิดร้านทองบังหน้า โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก และไลน์ ชักชวนผู้มีปัญหาทางการเงินให้ติดต่อกู้ยืมเงิน ทำให้มีผู้มากู้ยืมเงินเป็นจำนวนมาก สำหรับวิธีการเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยนั้น จะใช้วิธีการเรียกเก็บดอกเบี้ยรายวัน โดยมีการทำสัญญากู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยประมาณ ร้อยละ 2.5 ต่อวัน หรือร้อยละ 912.5 ต่อปี ซึ่งเป็นการเอารัดเอาเปรียบสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ดังนั้นชุดจับกุมจึงได้จับกุมตัวพร้อมของกลาง โดยแจ้งข้อกล่าวหา "ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด" นำส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

...

"ตำรวจสอบสวนกลางขอฝากถึงพี่น้องประชาชน อย่าได้ตกเป็นเหยื่อนายทุนหนี้นอกระบบ เพราะนอกจากจะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่สูงมากแล้ว ยังอาจโดนข่มขู่คุกคามจนไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติสุขได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้สถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อที่หลากหลาย และสะดวกมากยิ่งขึ้น หากมีเบาะแสเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้นอกระบบ ที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน สามารถแจ้งเบาะแสมาได้โดยตรงที่ ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.)
สายด่วน 1599 เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป" ผกก.5 บก.ปอศ.