หนุ่มใหญ่เมาแอ๋ ควง .38 บุกบ้าน ผญบ.แต่ไม่เจอตัว-ดันเจอผู้ช่วยฯ ไล่ยิงโดดน้ำหนีตาย โชคดีตำรวจมาทันจับตัวสำเร็จ ด้านเมียผู้ใหญ่บ้านเผย เจ้าตัวถูกผู้ก่อเหตุใช้ด้ามปืนทำร้ายร่างกาย-แถมถูกขู่และพูดลักษณะจะทำมิดีมิร้าย ขณะที่ตำรวจคาดสาเหตุไม่พอใจเรื่องบาดหมางในอดีตกับผู้ใหญ่บ้าน

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 30 ส.ค. 65 ด.ต.ทวีโชค สุขจิต ปฏิบัติหน้าที่พนักงานวิทยุสื่อสาร สภ.ทุ่งใหญ่ รับแจ้งเหตุคนยิงปืนบุกรุกเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จากนั้นจึงประสานแจ้งไปยัง ร.ต.ท.อภินันท์ ยิ่งยง รอง สวป.ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจรถยนต์นำกำลังไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านของผู้ใหญบ้านในพื้นที่ดังกล่าว พบ นายเทพสุทิน สุขปาน อายุ 58 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช กำลังอยู่ในอาการมึนเมาสุรา เดินป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณหน้าบ้านและยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัวและยึดอาวุธปืนขนาด .38 ที่ใช้ก่อเหตุไว้เป็นหลักฐาน 

ต่อมามี น.ส.ลำไย เส้งย่อง อายุ 42 ปี ภรรยาเจ้าของบ้าน เดินเข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยอาการตื่นตกใจ พร้อมเปิดเผยว่า นายเทพสุทิน (ผู้ก่อเหตุ) ได้ขับรถยนต์ปาเจโร่มาจอดที่บ้าน จากนั้นได้เดินถือปืนเข้ามาและตะโกนถามหาว่าจะยิง นายสุทธิพงศ์ หนูเนตร ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นสามีตน เมื่อตนได้ยินก็ตกใจมากจึงรีบโทรศัพท์ไปบอกสามี ที่ขณะนั้นออกไปขายยางพาราที่ตลาด ใน อ.ทุ่งใหญ่ ให้ระวังตัว

"หลังวางสายสามี ตนก็รีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระหว่างนั้น นายเทพสุทิน ก็ยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด และเดินเข้ามาหาตน ก่อนใช้ปืนจี้บังคับและใช้ด้ามปืนทุบทำร้ายร่างกายที่บริเวณบ่าด้านขวา 4 ครั้ง และที่ท้องอีก 1 ครั้ง จนช้ำบวมแดง และขู่บังคับให้ตนเดินตามไป โดยพูดกับตนในลักษณะจะพาไปทำมิดีมิร้าย ซึ่งขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดที่บ้านสามารถจับภาพเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด" น.ส.ลำไย เปิดเผย

...

นอกจากนี้จากการสอบถามยังทราบอีกว่า ต่อมามี นายโสพิณ รัตนพันธ์ อายุ 63 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้เดินทางมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อพูดคุยธุระเรื่องยางพารากับผู้ใหญ่บ้าน เมื่อผู้ก่อเหตุเห็น นายโสพิณ เข้าก็ชักปืนขึ้นมาจะยิงทันที แต่ขณะนั้นมีเพื่อนบ้านยืนอยู่ใกล้ตัวผู้ก่อเหตุพอดี จึงใช้มือตบปืนของผู้ก่อเหตุจนเสียจังหวะ จากนั้น นายโสพิณ เห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งหนีไป โดยถูกผู้ก่อเหตุวิ่งไล่ตามไปติดๆ และใช้ปืนยิงไล่หลังไป 2 นัด จน นายโสพิณ ต้องกระโดดลงน้ำหนีตาย จึงทำให้ผู้ก่อเหตุตามไม่ทัน ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงพอดี จึงตามมาจับกุมตัวไว้ได้ในที่สุด และพาตัวผู้ก่อเหตุมาสอบสวน ที่ สภ.ทุ่งใหญ่

จากการตรวจสอบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พบมีกระสุนปืนอยู่ในลูกโม่ 1 นัด ที่เหลือเป็นปลอกกระสุนซึ่งถูกยิงออกไปแล้วจำนวน 5 นัด นอกจากนี้ยังพบกระสุนปืนในกระเป๋ากางเกงของผู้ก่อเหตุอีก 2 นัด ส่วนอาวุธปืนมีทะเบียนเป็นชื่อผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง 3 ข้อหาในชั้นสอบสวน คือ " 1. เสพสุราหรือของเมาอย่างอื่นจนเป็นเหตุให้เมาประพฤติวุ่นวายหรือครองสติไม่ได้ ขณะอยู่ในถนนสาธารณะหรือสาธารณสถาน, 2. ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน, และ 3. พาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร โดยผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพในข้อกล่าวหาที่ 1 และ 3 และปฏิเสธข้อหาที่ 2 จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งตัวผู้ก่อเหตุพร้อมของกลางให้พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน ร.ต.อ.ชินกฤต สวัสดิวงศ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังสอบปากคำผู้ก่อเหตุไม่ได้ เนื่องจากอยู่ในอาการมึนเมาไม่สามารถให้การได้ ต้องรอสอบปากคำอีกครั้งในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่า ผู้ก่อเหตุคงไม่พอใจเรื่องในอดีตที่เคยบาดหมางกับผู้ใหญ่บ้าน จึงลงมือก่อเหตุถึงหน้าบ้านและไประบายอารมณ์กับภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ส่วนภรรยาผู้ใหญ่บ้านที่ถูกทำร้ายร่างกายนั้น ทางตำรวจได้ทำหนังสือส่งตัวไปให้แพทย์ตรวจร่างกายแล้ว และจะนัดมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ พร้อมทั้งจะนัด นายโสพิณ (ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน) ที่ถูกไล่ยิงมาให้ปากคำด้วยเช่นกัน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุเพิ่มเติมในข้อหา "ใช้อาวุธปืนข่มขู่ให้เกิดความกลัว, และพยายามฆ่า" ต่อไป