สาววัย 46 อดีต จนท.มรภ.สวนสุนันทาฯ โร่มอบตัวคดีโกงเงินค่าเทอม นศ.กว่า 60 ราย รวมมูลค่ากว่า 2 ล้าน เมื่อช่วงปี 60 รับสารภาพทำจริง โดยนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว คุมตัวฝากขังรอลุ้นประกัน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ส.ค. 2565 ที่ สน.สามเสน น.ส.อลิสา พจนารถ อายุ 43 ปี อดีตเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตนครปฐม พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สุรพงษ์ สุขแย้ม ผกก.สน.สามเสน พ.ต.ท.ธนพรหม ธนอาภากร รอง ผกก.สส.สน.สามเสน พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ จันทร์ทอง สว.(สอบสวน) สน.สามเสน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฉ้อโกง ตามหมายเรียกที่ทางพนักงานสอบสวนให้มารับทราบ หลังก่อเหตุฉ้อโกงค่าเทอมนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
โดย น.ส.อลิสา เดินทางมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า วันนี้มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกที่ได้รับตามนัดหมาย โดยยังไม่ทราบว่าจะถูกแจ้งข้อหาอะไรบ้าง และเชิญมาพบด้วยสาเหตุใด ทั้งนี้ตนยอมรับว่าทำงานที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตนครปฐม แต่นานแล้ว
สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจากนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.สามเสน ว่าถูกเจ้าหน้าที่ในมหาวิทยาลัยโกงค่าเทอมกว่า 60 ราย รายละประมาณ 2 หมื่นบาท จนไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้ มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท โดยผู้เสียหายมีสลิปหลักฐานการโอนเงิน เหตุเกิดขึ้นในพื้นที่ สน.สามเสน มีผู้เสียหายประมาณ 10 กว่าราย ผู้ต้องหาที่เหลืออีกส่วนเหตุเกิดในพื้นที่ สภ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ผู้เสียหายทยอยแจ้งความตำรวจ 2 โรงพัก ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา
...
โดยพฤติการณ์อาศัยความสนิทสนมกับนักศึกษา ดูว่านักศึกษาคนไหนที่ยังไม่ชำระค่าเทอม จะเสนอตัวและรับเงินไปจ่ายให้และนำเงินไปเป็นของตัวเอง ออกใบเสร็จปลอมให้ เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานมีบุคคลอื่นร่วมกระทำผิดด้วย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง พร้อมดำเนินการอายัดบัญชีแล้ว เหตุเกิดช่วงปี 2560 ถึงปัจจุบัน โดยมีนักศึกษาเป็นผู้เสียหาย มีทั้งศึกษาที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตนครปฐม และ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ทั้งนี้ในส่วนของ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วิทยาเขตนครปฐม ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เบื้องต้นพบกระทำความผิดจริง ได้มีหนังสือให้ออกจากราชการ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา
มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ซึ่งเบื้องต้นจากการสอบปากคำให้การรับสารภาพว่าได้ลงมือก่อเหตุจริง โดยนำเงินที่ได้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหมุนใช้ในครอบครัว เนื่องจากมีบุคคลในครอบครัวป่วยติดเตียง อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะคุมตัวไปขออำนาจศาลแขวงดุสิตฝากขัง โดยทางทนายความได้เตรียมหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัวแล้ว นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการประสานข้อมูลกับทาง สภ.พุทธมณฑล เพื่อตรวจสอบยอดความเสียหายทั้งหมดว่าเป็นจำนวนเงินเท่าใด และพิจารณาว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดในลักษณะฉ้อโกงประชาชนหรือไม่.