รองผู้อำนวยการ โรงเรียนที่ขอนแก่นสุดทน แจ้งตำรวจน้ำพองลากคอหนุ่ม 42 ปีดำเนินคดี หลังอ้างเป็นอดีตสามี กล่าวหาว่าติดหนี้หลายล้าน แถมยังคุกคามข่มขู่จะฆ่ายกครัว สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียง

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 14 สิงหาคม 2565 ร.ต.อ.ถาวร เหลาแพง รอง สว.สอบสวน สภ.น้ำพอง รับแจ้งจากนายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอน้ำพอง ว่า มีคนก่อเหตุคุกคาม ข่มขู่ สร้างความเดือดร้อนรำคาญกับชาวบ้าน ที่บ้านวังชัย ม.16 ต.วังชัย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบและระงับเหตุด้วย หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและสายตรวจลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอน้ำพอง ลงพื้นที่สมทบและร่วมกันควบคุมตัว นายอารักษ์ คำสาวงษ์ อายุ 42 ปี ชาวบ้าน หมู่ที่ 16 บ้านวังชัย ต.วังชัย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เอะอะโวยวายในบ้านพักเอาไว้ได้ จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.น้ำพอง ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

...

ต่อมานางสาวอิน (นามสมมติ) อายุ 57 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังในขอนแก่น เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ถาวร เหลาแพง รองสว.สอบสวนสภ.น้ำพอง ว่า ถูกนายอารักษ์ คุกคาม ขู่ฆ่าทั้งครอบครัว และใส่ร้ายทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิด ที่บันทึกภาพได้เป็นหลักฐานในการแจ้งความ โดยผู้เสียหายให้การว่า ตนรับราชการ ในตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น มีบ้านพักอยู่ในเมืองขอนแก่น ส่วนจุดเกิดเหตุ คือ บ้านเกิดที่อาศัยอยู่กับพี่สาว ส่วนเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับนายอารักษ์นั้น เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้สองครั้ง คือ ทั้งการให้ร้ายในเรื่องที่แอบอ้างว่า เป็นสามีมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่น และอ้างอีกว่าทิ้งไป รวมถึงกล่าวหาว่าตนเป็นหนี้หลายล้านบาท คำพูดเหล่านี้ทำให้คนอื่นเข้าใจผิด เสื่อมเสียชื่อเสียงได้

ผู้เสียหาย กล่าวต่อว่า เคยแจ้งความกับตำรวจ สภ.น้ำพอง แล้วเมื่อเดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้จากนั้นไม่นาน นายอารักษ์ ก็บุกรุกเข้าในบ้าน อ้างว่าทวงเอกสารสำคัญและทวงอาวุธปืนพร้อมเงินสดหลายล้านบาทในตู้เซฟ ซึ่งทั้งหมดไม่มีความจริงแม้แต่น้อย เพราะตนไม่เคยสุงสิง ไม่เคยพูดคุยหรือทักทายกับนายอารักษ์แม้แต่ครั้งเดียว ด้วยอาชีพ หน้าที่การงานก็ไม่มีความเชื่อมสัมพันธ์กันที่จะต้องสื่อสารหรือคุยกัน จึงเป็นการกล่าวหาใส่ร้าย ทำให้เสื่อมเสียและตกใจกลัว จึงแจ้งความกับตำรวจ สภ.น้ำพอง เป็นครั้งที่สอง ตำรวจไปจับกุมนายอารักษ์ที่บ้านก็พบว่ากำลังเสพกัญชาอยู่ ตำรวจจึงนำตัวส่งที่ รพ.น้ำพอง เพื่อทำการบำบัดรักษา 3 วันก็ออกจากโรงพยาบาล

นางสาวอิน กล่าวอีกว่า ล่าสุดนายอารักษ์ไปที่บ้าน 3 ครั้ง แต่เข้าบ้านไม่ได้ เพราะปิดประตูทางเข้าบ้าน จึงมีการตะโกนด่าทอด้วยคำหยาบคาย และท้าทายให้แจ้งตำรวจ รวมถึงข่มขู่ฆ่าทั้งครอบครัว ที่หน้าบ้าน 3 ครั้ง ซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเอาไว้ได้ จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านและกำนันทราบเรื่อง พร้อมขอความช่วยเหลือ ในการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาควบคุมตัวนายอารักษ์ ออกนอกพื้นที่ หรือดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเกรงว่าจะก่อเหตุรุนแรงขึ้นกว่าเดิม

...

ด้าน นายฉัตรชัย โลหะมาตย์ กำนันตำบลหนองกุง กล่าวว่า รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากผู้เสียหาย ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เกิดติดต่อกัน 3 ครั้ง จึงประสานนายอำเภอน้ำพองและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันลงพื้นที่ระงับเหตุ และควบคุมตัว นายอารักษ์ ซึ่งต้องควบคุมตัวไว้ เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีตามกฎหมายและเข้าสู่การบำบัดรักษา เพราะในเบื้องต้นทราบว่า นายอารักษ์เสพกัญชามานาน ขู่ฆ่าพ่อแม่ จนอยู่อาศัยที่บ้านไม่ได้ แล้วก็คุกคามชาวบ้าน จนชาวบ้านเกิดความกลัว แต่ไม่มีใครกล้าแจ้งความ กระทั่งเกิดเหตุกับรองผู้อำนวยการฯ และมีการร้องขอความช่วยเหลือมา จึงร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบและควบคุมตัวนายอารักษ์ไว้ได้ ซึ่งต้องประสานแพทย์เพื่อตรวจสอบว่า นายอารักษ์เสพกัญชาแล้วมีอาการทางจิตเวชร่วมด้วยหรือไม่ เพราะถ้ายังใจเย็นปล่อยไว้อาจเกิดอันตรายกับคนในครอบครัวและชาวบ้านได้

ด้าน นายประยงค์ คำสาวงษ์ อายุ 69 ปี และนางคำใหม่ คำสาวงษ์ อายุ 65 ปี บิดามารดาของนายอารักษ์ กล่าวว่า ลูกชายสูบและเสพกัญชามาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนลูกชายก็มีอาการปกติ เคยเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ เมื่อกลับมาที่บ้านก็ยังปกติดี แต่ช่วงสองปีที่ผ่านมา หลังกัญชาถูกปลดล็อก ลูกชายก็สูบกัญชาหนักขึ้น ไม่ออกจากบ้าน ไม่ยอมทำงาน พ่อกับแม่ต้องหาข้าว หาอาหารและวางเงินไว้ให้ ลูกชายจะออกจากบ้านก็ต่อเมื่อไปหาซื้อกัญชา และออกไปซื้อสุราดื่ม เมื่อสูบกัญชาเมาแล้ว ดื่มสุราผสมเข้าไปก็จะเกิดอาการประสาทหลอน ด่าพ่อแม่ ขู่ฆ่าพ่อแม่ จนต้องนำอาวุธที่เป็นมีด จอบ เสียมไปซ่อนไว้ที่อื่น และเมื่อลูกอาละวาดหนักก็ต้องออกไปนอนที่นาและอาศัยบ้านเพื่อนบ้านเป็นที่หลับนอน เพราะถ้าอยู่บ้านลูกชายจะฆ่าทิ้ง เพราะลูกชายบอกว่า ไม่ใช่พ่อแม่ เป็นแค่คนมาเลี้ยงดูเท่านั้น และการที่เจ้าหน้าที่มาควบคุมตัวลูกชายไปนั้นพ่อแม่ไม่ติดใจ จะจับเข้าคุกก็จับไป จะนำไปบำบัดด้วยก็จะดียิ่งขึ้น ส่วนคำพูดที่ลูกชายพูดเกี่ยวกับครูนั้น พ่อแม่ไม่เคยทราบเรื่อง เพราะไม่สนิทกันจึงไม่เคยพูดคุยกัน เพียงแค่เป็นคนหมู่บ้านเดียวกันเท่านั้น

...

ขณะที่นายอารักษ์ กล่าวภายหลังถูกควบคุมตัวว่า ตัวเองเป็นตำรวจมือปราบชื่อจอน เคยรับราชการที่ สภ.น้ำพอง แต่ต้องออกจากราชการเพราะฆ่าคนตาย ส่วนความสัมพันธ์กับครูนั้น เกิดขึ้นในสมัยที่เป็นวัยรุ่น 18 ปี ช่วงคบหากันตนเป็นคนหาเงินให้ครูอินสร้างบ้านราคา 3 ล้านบาท ทั้งยังพูดไปต่างๆ นานา และว่า ตำรวจจับตัวเองไม่ได้ เพราะไม่ได้ทำผิด ส่วนกัญชายอมรับว่าเสพมานานแล้ว

ส่วน ร.ต.อ.ถาวร เหลาแพง รอง สว.สอบสวน สภ.น้ำพอง กล่าวว่า จากการสอบสวนทางผู้เสียหาย ก็เข้าใจความรู้สึกเพราะคำพูดที่นายอารักษ์พูดออกไปนั้น สร้างความเสื่อมเสียให้ได้ ทั้งยังมีพฤติกรรมที่น่ากลัว ซึ่งได้ประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่ ควบคุมตัวนายอารักษ์ไว้เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหา ประพฤติตนวุ่นวาย หมิ่นประมาททำให้เสื่อเสียชื่อเสียง และทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ ซึ่งภายหลังแจ้งข้อกล่าวหา ก็จะส่งผัดฟ้องที่ศาลตามขั้นตอนต่อไป ส่วนโทษจะหนักจะเบา ปรับหรือจำคุกนั้น อยู่ที่ศาลจะเป็นผู้พิจารณา.