ผบช.ภ. 2 เรียกประชุมด่วนคลี่คลายคดีไฟไหม้ผับ “เมาน์เท่น บี” ขณะที่ผู้การชลบุรี ออกโรงยืนยันเอง "เสี่ยบี" เจ้าของผับตัวจริง ดูแลตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง การขออนุญาต อยู่ดูแลร้านตลอด พร้อมชี้แจงผับมรณะ ไม่ได้ติดกับโรงพักพลูตาหลวง สถานที่ราชการ ลั่นสั่งสอบข้อเท็จจริง-เรียกมาช่วยราชการแล้ว ลูกน้องไม่รู้มีผับ

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 7 สิงหาคม 2565 ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรี พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนสอบคดีการเกิดเพลิงไหม้ Mountain B (เมาน์เท่น บี) ผับเปิดใหม่ใหญ่เบิ้มใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยมีการประชุมนานประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ หลังจาก พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กล่าวถึงผลการประชุมว่า ผบช.ภาค 2 ได้มาประชุมพนักงานสอบสวนและสืบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมและครบถ้วน ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รวมทั้งพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่การเปิดดำเนินการของเมาน์เท่น บี ผับทั้งหมด เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ บาดเจ็บ และเสียชีวิต ได้นำหลักฐานไปดำเนินการเกี่ยวกับการเยียวยา หรือฟ้องร้องเกี่ยวกับค่าเสียหายได้

...

ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยว่านายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือเสี่ยบี เป็นเจ้าของร้านตัวจริงหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่าเป็นตัวจริง เพราะตั้งแต่เริ่มมีการก่อสร้าง การขออนุญาต รวมทั้งการเปิดดำเนินการ ซึ่งนายพงศ์ศิริ ดูแลร้านตลอด

ส่วนการตั้งผับติดกับสถานที่ราชการนั้น พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ ชี้แจงว่า ในเรื่องนี้ผับดังกล่าวไม่ได้ตั้งติดกับสถานที่ราชการ หรือ สภ.พลูตาหลวง และไม่ได้ติดกับถนนสุขุมวิท (บางนา-ตราด) แต่อยู่ด้านหลังของร้านค้าอีกชั้นหนึ่ง

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง หลังมีพยานออกมาบอกว่ามีตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่ผับดังกล่าวในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จำนวน 3 ครั้ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ตำรวจจะไม่รู้ว่ามีผับ นั้น พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะรายงานผลเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ได้เรียกตัวตำรวจที่เกี่ยวข้องมาช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรี แล้ว ส่วนการที่เรียกตัวเจ้าหน้าที่ดูแลระบบไฟฟ้า และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาสอบสวนนั้น ในฐานะพยาน เกี่ยวกับเรื่องการขออนุญาต และระบบขั้นตอนต่างๆ เพื่อนำมาประกอบในสำนวน ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าสภาพข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

นอกจากนี้ทางด้าน ผบช.ภ.2 ได้สั่งการให้ตรวจสอบสถานบันเทิงทั้งหมดในพื้นที่ภาค 2 ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการขออนุญาต ระบบความปลอดภัย รวมทั้งการหนีไฟ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กล่าวและว่า เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับเจ้าของผู้ประกอบการ ส่วนจะมีผู้ต้องหาเพิ่มขึ้นหรือไม่ อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ หากพบจะดำเนินคดีเต็มที่ อาทิ มีการต่อเติมอาคารโดยไม่ขออนุญาต ใช้อาคารผิดประเภท

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับวันที่ 8 สิงหาคมนี้ ตำรวจจะได้ลงตรวจสอบพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง ช่วงเกิดเหตุพบว่ามีการยุบของตัวโครงสร้างของตัวอาคาร โดยเฉพาะหลังคา ทำให้ตรวจสอบได้เพียงบางส่วนเท่านั้น จึงได้ประสานงานกับทางโยธาธิการ จะยกหลังคาที่จะถล่มออก เพื่อตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง