ตำรวจ สภ.เมืองปทุมธานี เผยตามจับกุม 6 เยาวชนที่ก่อเหตุขี่จยย.ไปปาระเบิดใส่บ้านคู่อริได้แล้ว จาก 50 ราย โดยขณะนี้ รู้ชื่อและกลุ่มทั้งหมดแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
จากกรณีที่ เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมามีคลิปเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นขี่จยย.เขวี้ยงระเบิดไทยประดิษฐ์นับครั้งไม่ถ้วนจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวช่วงกลางดึกที่ผ่านมา พร้อมโพสต์ข้อความ โอ้โหนี่มันสงครามหรืออะไร ชาวบ้าน ม.5 ต.บางเดื่อ อ.เมืองปทุมธานี บอกนี่มันครั้งที่ 3 แล้ว ไม่เกรงกลัวกฎหมายกันเลย ไม่ต้องได้หลับได้นอนกัน ระห่ำยิ่งกว่าหนังสงคราม จนมีผู้วิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมาก โดยเหตุเกิดขึ้นที่ท้ายซอยธรรมสุธีร์ 23 ม.5 ต.บางเดื่อ อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 21 ก.ค. ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองปทุมธานี พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรงค์ เอี่ยมระหงษ์ ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ. 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี และเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ได้ร่วมกันโชว์ของกลาง เช่น หมวกกันน็อก มีดดาบ และเสื้อผ้าของกลุ่มวัยรุ่นใช้ในวันก่อเหตุ โดยสามารถจับกุมตัวนายคณานนท์ หรือ คิว เรืองฉาย อายุ 19 ปี นายยอด โกศล อายุ 18 ปี และเยาวชน อายุ 15-17 ปี อีกจำนวน 4 คน รวมเป็นทั้งหมดที่จับกุมได้ 6 คน ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในวันเกิดเหตุได้ทั้งหมด 3 คัน ซึ่งยังเหลือผู้ที่ยังหลบหนี และกำลังติดตามตัวอีกกว่า 50 คน
...
ทางด้าน พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวเปิดเผยว่า โดยจากที่มีกลุ่มวัยรุ่นไปก่อเหตุปาระเบิดปิงปองใส่บ้านเรือนประชาชนโดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย ชุดสืบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ได้เร่งติดตามกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว จนสามารถสืบทราบว่ากลุ่มที่มาก่อเหตุนั้นเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาท กับกลุ่มวัยรุ่นในซอยดังกล่าว แล้วได้รวมกันมา จากการสืบสวนติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นได้มาทั้งหมด 6 คน โดยเป็นผู้ใหญ่ 2 และเยาวชน 4 คน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำทั้งหมด

เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่ามาก่อเหตุจริง โดยที่เจ้าของบ้านที่แจ้งกับสื่อมวลชนว่าก่อเหตุมาแล้ว 3 ครั้งนั้น โดยครั้งแรกเกิดเหตุเมื่อประมาณปลายปี เจ้าหน้าที่สายตรวจได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่ากลุ่มวัยรุ่นแยกย้ายกันไปหมดแล้ว แต่สามารถควบคุมตัวเยาวชนไว้ได้ 1 คน พร้อมกับนำตัวมาทำประวัติ และว่ากล่าวตักเตือน และเชิญผู้ปกครองรับทราบแล้ว ส่วนครั้งที่ 2 ผู้เสียหายไม่ได้มีการแจ้งเหตุแต่อย่างใด จนมาล่าสุดครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เร่งติดตามตัวหากลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดที่ร่วมกันก่อเหตุ โดยกลุ่มดังกล่าวมีทั้งหมด ประมาณ 50 คน รถจักรยานยนต์ ประมาณ 25 คัน ซึ่งทางตำรวจรู้ชื่อและกลุ่มทั้งหมดแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป.