คลินิกความงามที่อุดรธานี โวยโจรย่องลักทรัพย์ แจ้งความหลายครั้งแต่คดีไม่คืบ แถมร้อยเวรพูดจาไม่ดี ผกก.อุดรฯ เต้น สั่งชุดสืบจับคนร้ายคาดเป็นคนเร่ร่อน ส่วนกรณีร้อยเวรกับผู้แจ้งที่เข้าใจไม่ตรงกัน น่าจะเกิดจากสื่อสารผิดพลาด เพราะผู้จะแจ้งความร้องทุกข์ต้องเป็นผู้เสียหายที่แท้จริงเท่านั้น
กรณีมีคนร้ายลักทรัพย์ “พญาคลินิกเวชกรรม” ซึ่งเป็นคลินิกเสริมความงาม ตั้งอยู่ถนนศรีสุข เขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยปีนกำแพงมุดเข้าไปบริเวณช่องว่างระหว่างหลังคากับผนังปูน เข้าไปงัดคอมเพรสเซอร์แอร์ลักเอาลวดทองแดงบนชั้น 2 เหตุเกิดวันที่ 3 กรกฎาคม 2565 ร.ต.อ.สุขอินทร์ ลาจันทร์แก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ออกไปตรวจที่เกิดเหตุ แต่ตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้ แถมคนร้ายยังหวนกลับมาก่อเหตุซ้ำในวันที่ 14 กรกฎาคม และล่าสุด เวลา 22.00 น.คืนวันที่ 17 กรกฎาคม รวม 3 ครั้ง คอมเพรสเซอร์แอร์เสียหาย 3 เครื่อง โดยทางผู้เสียหายระบุว่า โจรเข้ามาในร้านแล้วนับสิบครั้ง คดีไม่มีความคืบหน้าและยังจับคนร้ายไม่ได้
เรื่องนี้ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2565 พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้สั่งการให้ตำรวจสืบสวนออกไปตรวจที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 2 คูหา ที่ชั้น 2 พบคอมเพรสเซอร์แอร์ถูกรื้อ ลวดทองแดงหายไป โดยน.ส.มัณฑนา ศรีโคตรอัน อายุ 24 ปี พนักงานผู้ได้รับมอบอำนาจ เล่าว่า เหตุเกิดครั้งแรกวันที่ 3 กรกฎาคม แต่ไปแจ้งความวันที่ 5 กรกฎาคม ครั้งที่ 2 วันที่ 14 กรกฎาคม และครั้งล่าสุดคืนวันที่ 17 กรกฎาคม ซึ่ง 3 ครั้งที่แจ้งความเพราะที่ได้รับความเสียหายหนัก อีกหลายครั้งไม่ได้แจ้งความ หลังเกิดเหตุครั้งแรกจะทำเหล็กกั้นทางเข้าของคนร้าย แต่ตำรวจบอกว่าอย่าเพิ่งแตะต้องที่เกิดเหตุ เพราะเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยังไม่ได้เข้าตรวจสอบเก็บลายนิ้วมือ แต่พอโทรถามว่าจะมาตรวจวันไหน ก็บอกว่าประสานให้แล้ว เหมือนบอกปัดไป ทำให้ไม่ได้ซ่อมแอร์ 3 เครื่องที่เสียหาย ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการก็จะร้อน เข้าใจว่าตำรวจมีงานมาก แต่อยากให้เร่งรัดคดีให้เร็วมาตรวจที่เกิดเหตุ เพื่อจะได้ซ่อมแอร์ และตามจับคนร้ายไปดำเนินคดี ไม่ให้ย้อนกลับมาก่อเหตุอีก พวกตนจะได้รู้สึกปลอดภัย
...

นางสุภาพร กาสีวงค์ อายุ 50 ปี แม่บ้านคลินิก เล่าว่า มาทำงานที่นี่ 6 เดือน คนร้ายมาบ่อยมาก ขึ้นมาลักทองแดงคอมเพรสเซอร์แอร์ เข้ามา 4-5 ครั้ง แต่แจ้งตำรวจ 3 ครั้ง คอมเพรสเซอร์เสียหาย 3 ครั้ง ไม่อยากให้ตำรวจทิ้งช่วงไว้นาน อยากให้จับคนร้ายให้ได้ เพราะคลินิกข้างเคียงก็โดนลักทรัพย์เหมือนกัน

ขณะที่ พ.ต.อ.จามร อันดี ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้เรียกพนักงานมาสอบปากคำ ทราบว่าเปิดร้านตั้งแต่ 08.00-20.00 น. และไม่มีผู้พักอาศัย สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นที่รกร้างเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม มีคนเร่ร่อนสัญจรผ่านไปมา ง่ายต่อการลักเล็กขโมยน้อย จึงได้กำชับสายตรวจให้เพิ่มความถี่ในการออกตรวจบริเวณดังกล่าวให้มากขึ้น เป็นส่วนของการป้องปราม ได้ให้พนักงานไปพบฝ่ายสืบสวน และไปตรวจที่เกิดเหตุ ซึ่งพอจะทราบตัวคนร้าย และจะทำการซุ่มดักในการติดตามจับกุมต่อไป
"ส่วนร้อยเวร ก็ได้ประสานให้สอบสวนปากคำผู้เสียหาย แต่อาจจะสื่อสารกันผิดนิดหน่อย เพราะการจะแจ้งความนั้นพนักงานต้องรับมอบอำนาจจึงจะเป็นผู้เสียหายตามคดีอาญา และในการรับแจ้งต้องรวบรวมพยานหลักฐานนำสืบทราบตามข้อเท็จจริง สืบสวนนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ ส่วนคนร้ายเชื่อว่าน่าจะเป็นคนเร่ร่อนทั่วไป และยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นที่สังเกตว่าคนร้ายน่าจะมีความรู้เรื่องช่าง ส่วนการป้องกันทางร้านมีกล้องวงจรปิด แต่อยู่ชั้นล่าง คนร้ายก่อเหตุชั้นสอง แต่ทราบว่าจะมีการจ้างยาม รปภ.เฝ้าร้านเพื่อเฝ้าทรัพย์สิน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่พ้นความรับผิดชอบของตำรวจ จึงได้ให้เบอร์โทรศัพท์ของผมให้แจ้งโดยตรง”

ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยอีกว่า ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายแจ้งว่า ร้อยเวรเจ้าของคดีพูดไม่ดีนั้น ได้เรียกมาสอบถาม คงเป็นเรื่องการสื่อสารทำความเข้าใจ เพราะพนักงานคลินิกที่มาแจ้งความจะต้องได้รับมอบอำนาจ ซึ่งร้อยเวรจะรอในส่วนหนังสือมอบอำนาจ แต่ได้ลงประจำวันเบื้องต้นไว้แล้ว เพราะผู้เสียหายตาม ป.วิอาญา ต้องเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง ส่วนการตรวจที่เกิดเหตุ ร้อยเวรได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไว้แล้ว แต่ปรากฏว่าเหตุมันเกิดซ้ำ ซึ่งตนก็น้อมรับในส่วนของเจ้าหน้าที่ จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนออกไปติดตามเพื่อชดเชยความรู้สึกของผู้เสียหาย และอยากขอให้เข้าใจว่ามีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้มีความล่าช้าแต่อย่างใด ซึ่งผู้กระทำผิดคดีลักทรัพย์ ส่วนมากจะเป็นการกระทำผิดซ้ำซาก จับได้ออกมาก็ลักอีก.
...