ผู้เสียหายเข้าพบทนายตั้ม ขอให้ช่วย กรณีเกิดอุบัติเหตุรถถูกรถปอร์เช่ชนท้าย คู่กรณีเป็นนายกสมาคมกีฬาชื่อดัง สภาพเมา ลงมาขอเจรจา อ้างรถไม่มีประกัน จะชดใช้ให้ทุกอย่าง แต่ขอเปลี่ยนตัวคนขับ แล้วให้ลูกชายมาที่เกิดเหตุ 2 คน โดยคนหนึ่งเป็นตำรวจวางแผนให้พ่อกลับบ้านไปก่อน ส่วนลูกชายไปโรงพักรับสมอ้างเป็นคนขับ แต่หลังแจ้งราคาค่าซ่อมให้ทราบ กลับเงียบหายไป
เวลา 10.45 น. วันที่ 11 ก.ค. 65 ที่สำนักงานกฎหมาย Sittra Law Firm ถนนสาทรใต้ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมด้วย นายปรินทร หรือดอม รุ่งจินดาพร อายุ 44 ปี อาชีพรับทำป้ายโฆษณา เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีที่ นายปรินทร ถูกนายกสมาคมกีฬาชื่อดัง รายหนึ่งซึ่งเป็นคู่กรณีซิ่งรถซุปเปอร์คาร์มาชนท้ายรถยนต์ของตนเอง เหตุเกิดท้องที่ สน.ประเวศ บริเวณคู่ขนานมอเตอร์เวย์ขาออก ท้ายซอยพัฒนาการ 53 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. เมื่อช่วงเที่ยงคืนวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ทางคู่กรณีขอเปลี่ยนตัวคนขับ ให้การเท็จกับพนักงานสอบสวน และไม่ยอมรับผิดชอบค่าเสียหาย
นายปรินทร กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนขับรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีดำ ทะเบียน 9 กค 4211 กรุงเทพมหานคร มาจากถนนพระราม 9 กำลังมุ่งหน้ากลับที่พักย่านสวนหลวง ร.9 ซึ่งช่วงดังกล่าวเป็นเวลาที่ฝนกำลังตกหนัก ระหว่างที่ตนชะลอความเร็วเพื่อจะกลับรถมุ่งหน้าไปทางคู่ขนานมอเตอร์เวย์ขาเข้า ปรากฏว่ามีรถซุปเปอร์คาร์ ยี่ห้อปอร์เช่ รุ่นพาราเมล่า สีดำ ทะเบียน ศย 88 กรุงเทพมหานคร พุ่งมาชนท้ายรถตนอย่างจัง จนรถได้รับความเสียหาย โชคดีที่ตนและคู่กรณีไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ โดยหลังเกิดเหตุคนขับรถคู่กรณีซึ่งเป็นชายสูงวัยได้เดินลงจากรถมาหาในลักษณะคล้ายมีอาการเมา และยอมรับว่ารถปอร์เช่คันดังกล่าวเป็นของบุตรชายไม่ได้ทำประกันภัยเอาไว้ แต่จะขอรับผิดชอบความเสียหายให้ทุกอย่างโดยขอเปลี่ยนตัวคนขับ
...

นายปรินทร กล่าวอีกว่า สักพักคู่กรณีก็โทรศัพท์เรียกบุตรชายมาที่เกิดเหตุ จำนวน 2 คน ลูกชาย 1 ใน 2 ทราบว่ารับราชการตำรวจ เป็นผู้วางแผนให้พ่อเดินทางกลับบ้าน แล้วให้บุตรชายอีกคนเดินทางไปที่ สน.ประเวศ เพื่อให้การกับพนักงานสอบสวนรับผิดแทนพ่อ ซึ่งเมื่อไปถึงที่โรงพักตนก็ขอแลกเบอร์โทรศัพท์กับทางบุตรชายของคู่กรณีเอาไว้ โดยระหว่างนั้นทางฝ่ายบุตรชายที่รับเป็นคนผิดแทนพ่อก็รับปากว่าจะดูแลชดใช้ให้ทุกอย่าง ตนไม่คิดว่าจะมีปัญหาใดๆ เพราะผู้เป็นพ่อก็เป็นถึงนายกสมาคมกีฬาชื่อดังดูน่าเชื่อถือ ประกอบกับขับรถหรูราคาแพง และไม่คิดว่าจะมีปัญหาใดๆ ทางกฎหมาย แต่ทว่าเมื่อตนโทรศัพท์ไปแจ้งราคาค่าซ่อมรถเบื้องต้นที่อู่เฉพาะช่วงล่างราคา 130,000 บาท ยังไม่รวมราคาซ่อมเกียร์ และแจ้งค่าใช้จ่ายที่ต้องหาเช่ารถขับไปทำงานวันละ 1,000 บาท ให้ทางบุตรชายรับทราบ กลับถูกบ่ายเบี่ยงและไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ทำให้ต้องปรึกษากับทนายษิทรา และเปิดแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบเพื่อทวงความยุติธรรม
ด้าน นายษิทรา กล่าวว่า กรณีนี้เรามีภาพคลิปจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุบันทึกภาพเหตุการณ์และภาพของคู่กรณีที่แท้จริงเอาไว้ได้ชัดเจน ทำให้ทราบว่าคนขับรถคู่กรณีนั้นคือนายกสมาคมกีฬาชื่อดังท่านหนึ่ง ส่วนในเอกสารที่ทางพนักงานสอบสวนลงบันทึกชื่อผู้ขับขี่เอาไว้เป็นบุตรชายของท่าน เรื่องนี้ตนได้ประสานกับทาง สน.ประเวศ เอาไว้แล้วว่าจะพาผู้เสียหายเดินทางเข้าไปพบพนักงานสอบสวนในเวลา 20.00 น.วันนี้ เพื่อแจ้งความเพิ่มเติม ซึ่งในส่วนของการกระทำความผิดของทางคู่กรณีที่เห็นได้ชัดตอนนี้มีอยู่ 4 ข้อหา คือ 1.ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย 2.ชนแล้วหนี 3.แจ้งความเท็จ และ 4.ใช้รถไม่ตรงกับแผ่นป้ายทะเบียน เนื่องจากทางผู้เสียหายยืนยันว่าพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบทะเบียนรถคู่กรณีแล้วไม่พบว่าตรงกันกับยี่ห้อและรุ่นของรถ สำหรับความคืบหน้าคืนนี้ขอให้สื่อมวลชนเดินทางไปติดตามได้ที่ สน.ประเวศ
ต่อมา เวลา 11.45 น. ที่สำนักงานกฎหมาย Sittra Law Firm ถนนสาทรใต้ ได้มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์ของนายปรินทร โดยปลายสายคือบุตรชายของนายกสมาคมกีฬาชื่อดังคนดังกล่าว ทำให้นายปรินทร รับสายและเปิดลำโพงให้ทุกฝ่ายได้ยิน โดยทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกันนานเกือบ 10 นาที ทั้งนี้ สาระสำคัญคือ ทางคู่กรณีได้สอบถามว่าจะให้ชดใช้เท่าใดขอให้ไปคำนวนยอดเงินทั้งหมดมา ซึ่งในเบื้องต้นจะโอนเงินให้ก่อน 100,000 บาท เพื่อแลกกับการลบโพสต์ในโซเชียลแต่ก็ตกลงกันไม่ได้ ขณะที่นายษิทรา ยืนยันว่าการชดใช้ค่าเสียหายเป็นเรื่องทางแพ่ง แต่ตนจะพาผู้เสียหายไป สน.ประเวศ เพื่อแจ้งความอย่างแน่นอนในเวลา 20.00 น.วันนี้ และขอยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับครอบครัว พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผบ.ตร.และนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แต่อย่างใด.