ผบก.น.3 เรียกประชุมหาตัวนักเรียนนักเลงยิงปืนใส่คู่กรณีกลางถนนย่านมีนบุรี ชี้พฤติการณ์อุกอาจทำผิดกฎหมายปล่อยไปไม่ได้ ต้องนำตัวมาดำเนินคดีวอนใครมีคลิปเหตุการณ์ช่วยส่งให้ตำรวจ สน.มีนบุรีด้วย
จากกรณี เฟซบุ๊กเพจ Drama-addict โพสต์คลิปจากกล้องหน้ารถชาวบ้าน มีเหตุนักเรียนตีกันบริเวณซอยรามอินทรา 113 มุ่งหน้ามีนบุรี แล้วมีเสียงยิงปืนก่อนแยกย้ายกันไป
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 2 ก.ค.2565 ที่สน.มีนบุรี พล.ต.ต.พลฑิต ไชยรส ผบก.น.3 พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ ผกก.สส.บกน.3 พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี และตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.มีนบุรี เพื่อติดตามความคืบหน้ารวมถึงวางแนวทางการติดตามตัวเด็กวัยรุ่นก่อเหตุ ขับรถจักรยานยนต์ไล่ยิงกันบนถนนรามอินทรา บริเวณปากซอยรามอินทรา 113 ต่อเนื่องรามอินทรา เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 1 ก.ค.วานนี้ที่ผ่านมา โดยมีกล้องหน้ารถของประชาชนที่ขับขี่ผ่านเส้นทางดังกล่าวสามารถบันทึกไว้ได้ ก่อนนำมาโพสต์ลงโซเชียล จนกลายเป็นกระแสขึ้นมา
พล.ต.ต.พลฑิต กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครเข้ามาแจ้งความแต่อย่างใด แต่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ และบนถนนรามอินทรา เพื่อดูพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ และรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ทราบตัวบุคคลในคลิป นำตัวดำเนินคดี เนื่องจากถือว่าเป็นเหตุอุกอาจ ยิงปืนในที่สาธารณะ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในละแวกนั้น รวมถึงผู้คนที่ใช้เส้นทางดังกล่าว พร้อมกันนี้ทางตำรวจจะประสานไปยังแอดมินเพจ Drama addict ที่โพสต์คลิป ให้พาเจ้าของคลิปวิดีโอมาให้ข้อมูล
ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 กล่าวต่อว่า ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดหน้ารถ พบ 2 กลุ่ม กลุ่มผู้ก่อเหตุ มี 2 คน ขับรถจักรยานยนต์มาคนละคัน ส่วนอีกกลุ่มเป็นผู้ถูกกระทำ มี 2 คน ขับรถซ้อนกันมา 1 คัน ซึ่งการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ฐานยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
...
พล.ต.ต.พลฑิต กล่าวอีกว่า แม้คดีจะไม่มีเจ้าทุกข์มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ก็ต้องดำเนินคดีทุกรายที่ก่อเหตุ เพราะเป็นการทำที่ผิดกฎหมาย จึงปล่อยไปไม่ได้ พร้อมขอความร่วมมือประชาชนที่เห็นเหตุการณ์เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีคลิปวิดีโอหรือภาพกล้องหน้ารถสามารถติดต่อตำรวจสน.มีนบุรีได้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ส่วนมาตรการการดำเนินการหลังจากนี้ได้สั่งการตำรวจในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ทั้ง 11 สน. ให้เพิ่มความเข้มงวด กวดขันการเฝ้าระวังการก่อเหตุในลักษณะนี้ ให้มากขึ้น เนื่องจากในพื้นที่นครบาล 3 ถือได้ว่าเป็นพื้นที่เสี่ยง ที่มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยโดยเฉพาะเรื่องเด็กนักเรียนต่างสถาบันยกพวกตีกัน.