ผู้เสียหายแห่แจ้งความเอาผิดผู้บริหารร้าน ดารุมะ ซูชิ ฉ้อโกงประชาชน ด้าน ผบช.ก.เผยผู้บริหารหนีไปดูไบ ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. คาดมูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทนายรัชพล ศิริสาคร ได้พาผู้เสียหายจากกรณีซื้อคูปองร้านดารุมะ ซูชิ ร้านบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น 10 กว่าคน เข้าร้องพนักงานสอบสวนบก. ปคบ. โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ซื้อคูปองจากแอปฯ ของร้านจำนวนมาก เพื่อนำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง และยังมีผู้ซื้อรายย่อยที่ตั้งใจจะไปใช้บริการเองด้วย

ขณะที่ น.ส.นุช (นามสมมติ) เปิดเผยว่า เป็นลูกค้าประจำของร้านอาหารที่มีปัญหาตามที่ปรากฏเป็นข่าว ทำให้สนใจแคมเปญของทางร้านที่โฆษณาอยู่ตามโซเชียลมีเดีย จึงทยอยซื้อคูปองไว้กว่า 600 ใบ ในราคาใบละ 212.93 บาท เพื่อขายต่อ 240 บาท ช่วงแรกไม่มีปัญหาอะไร ลูกค้าที่ซื้อไปกลับมาซื้อซ้ำ กระทั่งเกิดปัญหาขึ้นทำให้ตนต้องติดต่อไปหาลูกค้าเพื่อคืนเงินให้ทั้งหมด ก่อนรวมตัวกับผู้เสียหายรายอื่นเข้ามาแจ้งความ
ต่อมาเวลา 17.00 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. ร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตนเอง
ภายหลังสอบปากคำ พล.ต.ท.จิรภพ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบ พบว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก คาดว่าถึงหลักหมื่นราย ซึ่งทางร้านได้ออกโปรโมชันที่เกินความเป็นจริง แต่กลับปิดร้านหลบหนีไป ขอให้ประชาชนเข้าแจ้งความที่ บก.ปคบ. หรือลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจใกล้เคียง โดยตนจะเร่งประสานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อให้มีการรวมคดีมาที่ บก.ปคบ. ภายในวันพรุ่งนี้ จากนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับให้เร็วที่สุด
...
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ส่วนเจ้าของแฟรนไชส์ ได้ออกนอกประเทศไปเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.00 น. โดยปลายทางคือเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพียงคนเดียว แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเดินทางไปที่ใดต่อ จากนั้นเจ้าของแฟรนไชส์ได้ทำการปิดร้านวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งน่าเชื่อว่ามีเจตนาหลอกลวงประชาชน โดยขณะนี้ สามารถอายัดเงินเพียงไม่กี่แสนบาท แต่ความเสียหายนั้นกว่า 300 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ซึ่งพฤติการณ์นั้นมีแนวโน้มสูงที่จะตั้งใจฉ้อโกง ซึ่งหลังจากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาและบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากยังไม่กลับมาประเทศไทยจะพิจารณาเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ยืนยันว่าจะทำสุดความสามารถ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บุคคลที่เกี่ยวข้องคือเจ้าของแฟรนไชส์เพียงคนเดียว หลังจากนี้จะตรวจสอบทุกอย่าง เช่น เส้นทางการเงิน การกระทำความผิดว่ามีใครเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยเบื้องต้นเข้าข่ายฐานความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และหากมีการโอนเงินไปยังบุคคลใด ก็อาจเข้าข่ายฟอกเงินด้วย แต่เบื้องต้นขณะนี้ทราบว่าทางร้านมีบัญชีหลักเพียงบัญชีเดียว

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นแบ่งผู้เสียหายเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ผู้เสียหายที่ซื้อคูปองไปบริโภค, ผู้เสียหายที่ซื้อคูปองไปขายต่อ และผู้เสียหายที่ซื้อแฟรนไชส์ โดยผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์นั้นต้องดูเจตนาว่ามีเจตนาหลอกลวงประชาชนหรือไม่ หากไม่มีเจตนาหลอกลวงประชาชนก็ถือว่าไม่มีความผิด ทั้งนี้ ร้านดังกล่าวได้เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2559 และเริ่มขายคูปองในปี 2563 โดยมีการลดราคาลงมาเรื่อยๆ กระทั่ง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้ลดราคาลงถึง 199 บาท ทำให้มีผู้ซื้อจำนวนมาก โดยคูปอง 199 นั้นสามารถใช้ได้ตลอดเวลา และสามารถใช้ได้จริงมาตลอด ส่วนร้านค้าที่ขายปลาแซลมอนให้ทางแฟรนไชส์นั้น ก็สามารถมาแจ้งความดำเนินคดีไว้ได้เช่นกัน