ศาลอาญาออกหมายจับ “สันติ ศุภอภิรดีไพลิน” มือฆ่าสามี-ภรรยาพร้อมลูกแฝดในครรภ์ ที่ไต้หวันแล้ว หลังบิดาของล่ามมี่-น.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ 1 ในผู้เสียชีวิต เข้าร้องทุกข์กับตำรวจ ญาติชี้ปมเหตุจากเงิน 8 แสนบาท และสร้อยคอทองคำหนัก 15 บาท ที่ผู้ต้องหายืมไป ทวงหลายครั้งไม่ได้คืน ด้านชุดสืบสวนเชื่อผู้ต้องหายังหลบหนีอยู่ในไทย

...

จากกรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย และตำรวจไต้หวัน ขอความร่วมมือมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อขอให้ติดตามจับกุมนายสันติ หรือหยาง ศุภอภิรดีไพลิน อายุ 35 ปี ผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม 2 สามีภรรยา รวมทั้งลูกแฝดในท้อง ก่อนนำศพทั้งคู่ยัดท้ายรถบีเอ็มดับเบิลยูเอ็กซ์ 4 สีขาว แล้วขับไปจอดทิ้งหน้าสถานีรถไฟความเร็วสูง เถาหยวน เมืองซินเป่ย ทางตะวันตกของกรุงไทเป ส่วนนายสันติผู้ก่อเหตุหลบหนีกลับเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. คาดเหตุจากผลประโยชน์ธุรกิจจัดหาแรงงานและเรื่องหนี้สิน ตำรวจไทยอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับ หลังพบเบาะแสผู้ก่อเหตุปรากฏตัวอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบตำรวจ บช.ภ.5 และ บช.ภ.6

ความคืบหน้าที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 14 มิ.ย. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลอาญาได้ออกหมายจับในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนากับนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน อายุ 35 ปี ผู้ก่อเหตุที่หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว หลังบิดาของล่ามมี่-น.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ 1 ในผู้เสียชีวิต ได้แจ้งความตำรวจเพื่อเอาผิดผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นสั่งการให้ชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. และ กก.4 บก.ป. ลงพื้นที่หาเบาะแส พร้อมประสานหน่วยงานต่างๆเฝ้าระวังพื้นที่ริมขอบชายแดนรอยต่อประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อว่า นายสันติยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย ส่วนมูลเหตุปมสังหาร หรือจะมีผู้ก่อเหตุคนอื่นร่วมกระทำผิดด้วยหรือไม่นั้น ในส่วนนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจไต้หวันตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ข้อมูลจากตำรวจไต้หวันพบนายสันติก่อเหตุลำพัง

มีรายงานว่า สำหรับคดีนี้แม้เป็นการกระทำผิด นอกราชอาณาจักร แต่เนื่องจากผู้กระทำผิดมีสัญชาติไทยและหลบหนีกลับเข้ามาในประเทศ หากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือสามีภรรยาของผู้เสียชีวิต เป็น ผู้เสียหายโดยตรง แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจให้ ดำเนินคดีแล้ว ตำรวจสามารถดำเนินการตามกฎหมายไทยได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ไต้หวันตาม ป.อาญา ม.8

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายยิ่งยศ แซ่หลี่ อายุ 38 ปี พี่ชายของล่ามมี่-น.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ 1 ในผู้เสียชีวิต เดินทางมาติดตามความคืบหน้า คดีนี้ หลังจากศาลอาญาออกหมายจับนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน อายุ 35 ปี ผู้ก่อเหตุ ระหว่างนั้นนายยิ่งยศกล่าวยืนยันว่า นายสันติเป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจน โดยเฉพาะการที่นายสันติยืมเงินของครอบครัวผู้ตายไป 8 แสนบาทรวมทั้งสร้อยคอทองคำหนัก 15 บาท ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. เวลาประมาณ 20.00 น. ตนยังโทรศัพท์ไปพูดคุยกับล่ามมี่เป็นครั้งสุดท้าย ล่ามมี่บอกว่าเตรียมไปเจรจาเรื่องทรัพย์สินกับนายสันติที่เป็นฝ่ายนัดให้ไปหา ตนจึงกำชับให้ระมัดระวังตัว และให้พาสามีไปด้วย เนื่องจากเรื่องนี้เจรจามานานแล้ว แต่ยังไม่ได้เงินคืน กระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว

“ผมเชื่อว่านายสันติไม่ได้ก่อเหตุลำพัง เนื่องจากผู้เสียชีวิตทั้งคู่มีรูปร่างใหญ่ การอุ้มศพขึ้นรถเป็นเรื่องยาก อีกทั้งนายสันติเป็นคนที่มีเพื่อนมาก คงจะมีการวางแผน ก่อเหตุและช่วยเหลือ เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุแล้วใช้เวลา เพียง 8 ชั่วโมง ก็ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับไทย ก่อนที่จะมี รถยนต์ของครอบครัวมารับที่สนามบิน” นายยิ่งยศระบุ

ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 (บก.สส.ภ.5) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า สั่งการให้ตำรวจชุดสืบสวน บก.สส.ภ.5 ประสานตำรวจ บก.ป. และ บก.ตชด.ภาค 3 สกัดกั้นการหลบหนีออกนอกประเทศ หากมีผู้ช่วยเหลือนายสันติไม่ให้รับโทษจะมีความผิดตามกฎหมาย เชื่อว่าผู้ต้องหายังหลบหนีอยู่ในประเทศ

ขณะที่นายสุชาติ ศุภอภิรดีไพลิน วัย 63 ปี พ่อของนายสันติผู้ต้องหาในคดีนี้ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่บ้านพักเลขที่ 587 หมู่ 10 ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ว่ารู้สึกตกใจกับเหตุที่เกิดขึ้น เพราะครอบครัวตนกับครอบครัวของล่ามมี่-น.ส.พจนีย์ สนิทกัน ส่วนตัวไม่เชื่อว่าลูกชายจะลงมือเพียงคนเดียว อาจถูกกดดันให้ลงมือทำ ขอให้นายสันติออกมามอบตัว และพูดความจริงทั้งหมด

...