พี่ชายสาวท้อง เหยื่อคดีฆาตกรรมในไต้หวัน เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ติดตามความคืบหน้า หลังศาลอาญาออกหมายจับ "สันติ" เผยมูลเหตุ เจรจาคืนเงิน 8 แสน ทองคำ 15 บาท พร้อมไม่เชื่อลงมือลำพัง วอนผู้ต้องหามอบตัว ชี้แจงความจริง

เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 14 มิถุนายน 2565 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายยิ่งยศ แซ่หลี อายุ 38 ปี พี่ชายของ น.ส.พจนีย์ แซ่หลี ผู้เสียชีวิตที่ถูกนายสันติ หรือหยาง ศุภอภิรดีไพลิน ฆาตกรรมทิ้งศพไว้ท้ายรถยนต์ที่ไต้หวัน เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีหลังจากศาลอาญาออกหมายจับนายสันติ

นายยิ่งยศ กล่าวว่า นายสันติ เป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากมีพยานหลักฐานชัดเจน โดยเฉพาะมูลเหตุที่เกี่ยวข้องกับการที่นายสันติ ยืมเงินของผู้เสียชีวิตเป็นเงิน 8 แสนบาท และสร้อยคอทองคำ หนัก 15 บาท ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. เวลาประมาณ 20.00 น. ได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย โดยน้องสาวยังบอกว่ากำลังจะพาแม่ กับน้องสาวไปหาหมอ และจะไปเจรจาเรื่องทรัพย์สิน เนื่องจากนายสันติเป็นคนนัดหมายให้ไปหา จึงได้เดินทางไปกับสามี ส่วนตัวก็ได้กำชับให้ระมัดระวังตัว เนื่องจากมีการเจรจามานานแล้วแต่ยังไม่ได้เงินคืน หลังจากนั้นก็เกิดเหตุ และมาทราบอีกครั้งว่าหลบหนีเข้าประเทศไทย

นายยิ่งยศ ยังเชื่อว่า นายสันติไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียว เนื่องจากผู้เสียชีวิตมี 2 คน มีร่างกายค่อนข้างใหญ่ การจะถูกอุ้มขึ้นรถคงเป็นเรื่องยาก และนายสันติ ก็เป็นคนที่มีเพื่อน และรู้จักบุคคลอื่นจำนวนมาก เชื่อว่าจะมีการช่วยเหลือ และวางแผนก่อเหตุ เนื่องจากเมื่อเกิดเหตุแล้วใช้เวลาเพียง 8 ชั่วโมง ก็ซื้อตั๋วเครื่องบินกลับไทย ก่อนที่จะมีรถยนต์ของครอบครัวมารับที่สนามบิน

...

นายยิ่งยศ กล่าวว่า สำหรับเบาะแส หลังจากนายสันติกลับไทยแล้ว มีผู้พบเห็นว่าอยู่ในหมู่บ้านที่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ และเชื่อว่าหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เนื่องจากครอบครัวของนายสันติ เป็นคนกว้างขวางในพื้นที่ และบ้านยังอยู่ไม่ไกลจากชายแดน หากต้องการออกไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งนี้ส่วนตัวรู้จักกับนายสันติเป็นอย่างดีเมื่อครั้งที่อยู่ในไทย รวมทั้งน้องสาวยังเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมศึกษา ก่อนที่จะชักชวนกันไปทำงานที่ไต้หวัน โดยไปขายอาหาร ผลไม้ให้กับแรงงาน รวมทั้งเป็นผู้แนะนำคนไทยที่สนใจไปทำงานที่ไต้หวันว่าควรติดต่อกับบริษัทใด

นายยิ่งยศ ยังฝากถึงนายสันติที่อ้างว่าเป็นผู้ถูกกระทำจึงต้องก่อเหตุฆาตกรรม หากเห็นว่าตัวเองไม่ใช่เป็นผู้ก่อเหตุ ก็ขอให้ออกมาชี้แจงความจริง หรือมอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งยืนยันว่าที่นี่มีความปลอดภัย