สลด "จ่าทหารม้า" ตามง้อขอคืนดีกับ "เมียพยาบาล" บุกถึงรพ.ศูนย์ขอนแก่น ขณะทำงานในห้องพิเศษ ชักปืนจ่อยิง 3 นัดตายคาที่ จากนั้นยิงขมับดับตัวเองเพื่อหนีความผิด

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 9 มิ.ย. 65 พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยถึงกรณีทหารยิงพยาบาลตายและฆ่าตัวตายที่ชั้น 4 อาคารคุณากรใน รพ.ศูนย์ขอนแก่น ว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลา 01.00 น.วันที่ 9 มิ.ย.65 ที่ชั้น 4 อาคารคุณากรใน รพ.ศูนย์ขอนแก่น ทหารที่ก่อเหตุคือ จ.ส.อ.อัคพน โพนพันธ์ อายุ 35 ปี เป็นทหารอยู่ที่กรมทหารม้าที่ 6 ค่ายศรีพัชรินทร์ จังหวัดขอนแก่น ได้ใช้อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ยิง นางนภาพร นาคเกี้ยว อายุ 34 ปี อดีตภรรยา ซึ่งเป็นพยาบาลประจำที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น กระสุนเข้าที่ศีรษะ 1 นัด กลางหน้าอก 1 นัด ชายโครงขวา 1 นัด ภรรยาเสียชีวิตทันที

จากนั้น จ.ส.อ.อัคพน ก็เดินห่างออกมาจากจุดที่ยิงอดีตภรรยา แล้วใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันจ่อขมับ ยิงตัวเอง และเสียชีวิตเมื่อเวลา 05.00 น.วันเดียวกัน

ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุพยาบาลที่เป็นเพื่อนกับอดีตภรรยา ได้แจ้งญาติให้ทราบ ญาติพี่น้องจึงมาดูที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนญาติและคนใกล้ชิดของ ผู้ตายทั้งสองคน ทราบว่า จ.ส.อ.อัคพน กับอดีตภรรยาอยู่กินกันจนมีบุตร 2 คน อายุ 3 ขวบและ 7 ขวบ ต่างคนต่างก็ทำมาหากิน กระทั่งเมื่อประมาณต้นปีพยาบาลได้ไปอบรมหลักสูตรเฉพาะทางที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นเวลา 4 เดือน และก็กลับมาทำงานที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่นตามเดิม

"หลังพยาบาลกลับมาทำงานที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ทั้งคู่ก็มีปัญหาทะเลาะกันบ่อยขึ้น จนถึงขั้นยิงปืนขู่กันที่บ้านพัก ญาติพี่น้องก็รับรู้ปัญหามาตลอด สุดท้ายทั้งสองคนก็หย่าขาดจากกัน แต่ฝ่ายชายยังพยายามติดตามขอคืนดีกับพยาบาลมาโดยตลอด กระทั่งถืออาวุธปืนเข้ามาในโรงพยาบาล เดินตามหาอดีตภรรยาที่เข้าเวรและกำลังทำงานอยู่ในห้องพิเศษ เมื่อพบตัวก็เข้าไปหาใช้ปืนยิงอดีตภรรยา 3 นัด ตายคาที่ จากนั้นก็เดินออกจากห้อง แล้วใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงขมับตัวเอง เพื่อฆ่าตัวตาย แต่ยังไม่ตายทันที แพทย์พยาบาลช่วยเหลือเอาไว้ได้ แต่ก็มาสิ้นใจในช่วงตีห้าที่ผ่านมา" ผกก.สภ.เมืองขอนแก่นกล่าว

...

พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวต่อว่า มูลเหตุของการก่อเหตุของทหารในครั้งนี้ จากการสอบสวนญาติ ต่างก็ยืนยันว่า เกิดจากฝ่ายชายหึงหวงภรรยาตัวเองพยายามขอคืนดี แต่พยาบาลไม่ยอมคืนดีด้วย จึงมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนญาติและคนใกล้ชิด เพื่อทราบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนมากขึ้น จากนั้นจะได้มอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป