"สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ฝากเตือนภัยการกู้เงินนอกระบบ ชี้ "การทวงหนี้แบบผิดกฎหมาย-ปล่อยเงินกู้ไม่ได้รับอนุญาต" มีโทษหนักถึงจำคุก แนะวิธีหลีกเลี่ยง-ป้องกันแก๊งทวงหนี้โหด

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนภัยการกู้เงินนอกระบบ โดยปัจจุบันยังคงอยู่ในห้วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของประชาชนบางส่วน จึงมีความจำเป็นต้องไปกู้เงินจากแหล่งเงินกู้ต่างๆมากขึ้น ซึ่งก็มีเหล่ามิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสนี้แฝงตัวมาในรูปแบบของแหล่งเงินกู้นอกระบบ และได้กระทำความผิดรูปแบบต่างๆ โดยการกระทำความผิดที่พบ คือ การเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราและการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินในรูปแบบต่างๆ ได้

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำหนดให้ปัญหาหนี้นอกระบบซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประชาชนเป็นวาระแห่งชาติ และได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อสร้างการรับรู้แนวทางป้องกัน และหากพบการกระทำผิดให้ดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาและดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุทิน ทรัยพ์พ่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งการไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) และศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานอื่นๆ ในสังกัดที่เกี่ยวข้อง เร่งทำการสืบสวนสอบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ รวมถึงนายทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายอย่างจริงจังต่อเนื่องเด็ดขาด เพื่อให้ได้ผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม

...

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า ดังเช่นกรณีที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ ได้นำเสนอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 65 เวลาประมาณ 19.30 น. ในพื้นที่ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยลูกหนี้ได้ไปกู้เงินกับเพจเฟซบุ๊กปล่อยเงินกู้จำนวน 1,000 บาท เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 65 ซึ่งต่อมาเจ้าหนี้ได้มาทวงถามหนี้เงินกู้และดอกเบี้ย บริเวณตลาดกลางเพื่อการเกษตร ตามวันเวลาเกิดเหตุ แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ และได้มีการทำร้ายร่างกายคู่กรณีจนได้รับบาดเจ็บ ความคืบหน้าในทางคดีขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและตรวจสอบผู้เกี่ยวข้อง โดยสามารถพิสูจน์ทราบถึงตัวผู้ก่อเหตุรวม 6 ราย และในส่วนของพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยาน รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง และได้เรียกตัวผู้ที่กระทำความผิดมาแจ้งข้อกล่าวหาแล้วจำนวน 5 ราย และในวันนี้ 18 พ.ค. 65 จะนำตัวผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ไปขออนุมัติต่อศาลเพื่อขอฝากขังตามขั้นตอนต่อไป ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 1 ราย ได้นัดหมายให้มารับทราบข้อกล่าวหา และจะดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวต่อว่า อีกกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 65 ในพื้นที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี โดยผู้เสียหายได้ไปยืมเงินจากกลุ่มผู้ก่อเหตุ จำนวน 10,000 บาท โดยตกลงชดใช้ยอดหนี้วันละ 500 บาท จำนวน 24 วัน และต่อมาตามวันเวลาเกิดเหตุกลุ่มผู้ต้องหาได้มาทวงถามหนี้ที่ยืมไป แต่ตกลงกันไม่ได้ และได้มีการทำร้ายร่างกายกัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต จึงได้รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินการตามกฎหมาย และทำการสืบสวนพิสูจน์ทราบถึงตัวกลุ่มผู้ต้องหา และได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่ออนุมัติออกหมายจับแล้วจำนวน 3 ราย ซึ่งจับกุมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีได้แล้วจำนวน 2 ราย ส่วนรายที่ยังหลบหนีเจ้าหน้าที่ก็จะติดตามจับกุมต่อไป รวมถึงทำการสืบสวนสอบสวนว่ามีผู้กระทำความผิดรายอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่ตามขั้นตอนของกฎหมาย

"การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 295 ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงหากมีการทวงหนี้โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ฯ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง การใช้วาจาดูหมิ่น หรือการเปิดเผยข้อมูลการเป็นหนี้ของลูกหนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนผู้ที่กระกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000-500,000 บาท และการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และหากมีการตรวจสอบพบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ก็อาจมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถิติของศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทาความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) พบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 1 ต.ค.64 - 30 เม.ย.65 มีการแจ้งการกระทำความผิดซึ่งเกี่ยวข้องกับเงินกู้นอกระบบกว่า 1,361 เรื่อง ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้ว 1,093 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 80 คงเหลือ 268 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 20 โดยการกระทำความผิดที่ได้รับแจ้งมากที่สุด 3 อันดับ คือ การปล่อยกู้ออนไลน์, การเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา, และการทวงหนี้ผิดกฎหมาย ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดําเนินการสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทําความผิดต่อไป

"สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังขอฝากประชาสัมพันธ์ถึงวิธีหลีกเลี่ยงการถูกทวงหนี้นอกระบบด้วยรูปแบบต่างๆ และแนวทางการป้องกัน ดังนี้ 1.หากถูกแก๊งทวงหนี้ แอบอ้าง ข่มขู่ ควรตั้งสติให้ดี อย่าตื่นตระหนก รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ หรือให้ความช่วยเหลือ 2.ทำการบันทึกข้อมูลการสนทนา ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ เพื่อใช้ในการดำเนินคดีภายหลัง และ 3.หากมีความจำเป็นต้องกู้เงิน ควรกู้จากสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง" พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าว.

...