ตำรวจทุ่งเบญจา คุมตัวพี่ชายวัย 68 ปี ยิงน้องชายในไส้วัย 61 ตาย ปมพิพาทมรดกสวนทุเรียน ทำแผนฯ อ้างมีปากเสียงเห็นน้องทำท่าหยิบปืนเลยยิงสวน 3 นัด ตร.จ่อเอาผิดลูกมือยิงที่พาหนีกับซ่อนปืนด้วย
เมื่อวันที่ 13 พ.ค.65 จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ หลัง นายบุญมี เมืองที่รัก อายุ 68 ปี พี่ชายแท้ๆ ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายเฉลิม เมืองที่รัก อายุ 62 ปี น้องชายแท้ๆ จำนวน 3 นัด จนเสียชีวิตตกลงไปริมสระน้ำ เหตุเกิดภายในสวนผลไม้พื้นที่ บ้านบึงบอน หมู่ 7 ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เมื่อบ่าย 3 โมงเย็น วันที่ 9 พ.ค.65 ก่อนที่ช่วงสายวันที่ 10 พ.ค.จะมีคนมาพบศพ ซึ่งชนวนเหตุมาจากเรื่องพิพาทแบ่งมรดกที่ดินสวนทุเรียนไม่ลงตัว
พล.ต.ท.มานะ อินพิทักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร ภาค 2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ผดุงศักดิ์ รักษาสุข รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จันทบุรี พ.ต.อ.เสถียร เหล่าเกิ้มหุง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุ่งเบญจา กำลังตำรวจ ชุดปฏิบัติการพิเศษ ร่วมกับ ตำรวจสืบสวน คุมตัว นายบุญมี เมืองที่รัก อายุ 68 ปี ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง นายเฉลิม เมืองที่รัก อายุ 61 ปี น้องชายแท้ๆ เสียชีวิต เดินทางไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่สวนผลไม้ หมู่ 7 บ้านบึงบอน ตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี สถานที่เกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่กระจายกำลัง โดยรอบระหว่างคุมตัวทำแผน เพื่อกันไม่ให้ญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต ตลอดจนคนงานในสวน เข้ามาทำร้ายประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา
...
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พา นายบุญมี ผู้ต้องหา ไปชี้จุดแนวหลักเขตแดนที่เกิดข้อพิพาท กับผู้เสียชีวิต โดยได้พาไปชี้จุดบริเวณที่ นายเฉลิม น้องชาย ได้มีการว่าจ้างรถแบ็กโฮมาขุดปรับพื้นที่ บริเวณที่ดินที่พิพาทระหว่างของผู้ต้องหากับผู้เสียชีวิต โดย นายบุญมี ผู้ต้องหา กล่าวยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุได้เดินมาสอบถาม นายเฉลิม ผู้เสียชีวิตว่า มีการนำรถแบ็กโฮมาขุดในที่ดินของตัวเอง ซึ่งทำให้เกิดการโต้เถียงกันและทำให้ นายเฉลิม ผู้เสียชีวิต ได้ใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ลงในหลุมที่ใช้รถแบ็กโฮขุด จึงเกิดความโมโห ในอีกวันถัดมาในขณะที่ นายเฉลิม ผู้เสียชีวิต เดินมาเปิดแผงควบคุมมอเตอร์ เพื่อปล่อยน้ำในสวน
ผู้ต้องหาได้เดินมา พูดคุยกับ นายเฉลิม น้องชาย เพื่อสอบถามเรื่องแนวเขตอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งสองจะเกิดปะทะคารมกัน ซึ่งระหว่างนั้น นายบุญมี ผู้ต้องหา อ้างว่าได้เห็น นายเฉลิม ผู้เสียชีวิต ล้วงมือเข้าไปขยับกระเป๋า ทำให้ผู้ต้องหาเกิดความระแวงว่า น้องชาย จะใช้อาวุธปืนมายิง จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ที่เตรียมมา และขึ้นไกไว้ก่อนหน้า ยกขึ้นมายิงสวนเข้าใส่ผู้ตายจำนวน 3 นัด ซึ่งในขณะนั้น ผู้ต้องหายอมรับว่า ไม่แน่ใจว่าได้ยิงผู้ตายไปกี่นัด หลังเห็นผู้ตายล้มลงเสียชีวิต จึงได้ยกร่างของผู้ตาย ลากโยนทิ้งลงไปในสระน้ำ ก่อนที่จะขับรถหลบหนีไปที่ อำเภอแก่งหางแมว
อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับผู้ต้องหา ยังยืนยันว่า จะเข้ามาพูดคุยตกลงเจรจากับน้องชาย เพื่อหาข้อยุติข้อพิพาทขัดแย้ง และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา หากย้อนเวลากลับได้ ก็จะไม่ทำเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ยังยืนยันว่าเกิดจากอารมณ์โมโหที่ผู้ตาย มีปัญหาขัดแย้งเรื่องที่ดินกับตนเองและไม่ยอม อ่อนข้อปล่อยวาง จึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุ
ขณะที่ พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 เปิดเผยว่า พฤติการณ์จับกุมในครั้งนี้ หลังทางตำรวจสืบสวน ได้ลงพื้นที่หาข่าวตั้งแต่วันเกิดเหตุ เบื้องต้นทราบว่า หลังก่อเหตุ ผู้ต้องหา ได้ขับรถกลับไปที่บ้าน อ.แก่งหางแมว พร้อมกับมอบปืนขนาด 9 มม.ของตนเอง และ อาวุธปืนขนาด 11 มม.ของผู้ตาย ที่นำมาด้วย ให้ลูกชายคนเล็กเก็บรักษาไว้ จากนั้น ได้ให้ลูกชายคนรองขับรถมารับ เพื่อเดินทางไปที่ จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากผู้ต้องหา เคยมีคนรู้จักในพื้นที่ทำงานเป็นคนดูแลบ่อกุ้ง หลังลูกชายขับรถพาผู้ต้องหาระหว่างทางเกิดประสบอุบัติเหตุ จากนั้นผู้ต้องหาได้พยายามอาศัยช่วงชุลมุน เดินลัดเลาะหลบหนีไปยังพื้นที่บ่อกุ้ง ขณะกำลังตำรวจสืบสวนได้พยายามแกะรอย และแอบซุ่มตัวอยู่ จับกุมได้ขณะปลอมตัวเดินอยู่ริมถนน
...
หลังการทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้วเสร็จ ได้คุมตัว นายบุญมี เมืองที่รัก ผู้ต้องหา ส่งดำเนินคดี ข้อหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา / ลักทรัพย์ / พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ในส่วนของลูกชายของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่ให้การเก็บอาวุธปืนของผู้ต้องหา และลูกชายอีกคน ที่ให้การนำพาผู้ต้องหาเดินทางข้ามจังหวัด ขณะนี้ พนักงานสอบสวน อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ว่ามีส่วนให้การซ่อนเร้นอำพรางอาวุธ หรือให้การนำพา ผู้ต้องหาหลบหนีหรือไม่ ทั้งนี้ หากพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิดร่วม จะดำเนินการแจ้งข้อหากล่าวโทษอีกครั้ง
ส่วน นายเดชาวัฒน์ เมืองที่รัก อายุ 22 ปี ลูกชายผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ไม่คิดว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุฆ่าพ่อของตนเอง จะเป็นลุงแท้ๆ ที่ผ่านมา ตนเองกับลุง มีการพูดคุยกันปกติ แต่ลุงกับพ่อ มักมีปากเสียงทะเลาะวิวาทบ่อยครั้ง เรื่องปัญหาพิพาทที่ดินทับซ้อนประมาณ 25 ไร่ กันมานาน จากนิสัยส่วนตัวของลุง ภายนอกจะเป็นคนอารมณ์แปรปรวน พูดจาโผงผาง แต่ไม่คิดว่า จะกล้าถึงขนาดใช้อาวุธปืนยิงพ่อของตนเอง ได้อย่างลงคอ ทั้งนี้ ยังอยากอโหสิกรรมให้กับลุง แต่ให้ทางตำรวจดำเนินคดี ตามกฎหมายให้ถึงที่สุด.