ตร.ละหานทราย นำหมายจับรวบเสี่ยรีสอร์ตคดีบังคับเด็กสาว 15 ปี ค้ากาม พร้อมค้านประกันตัว ด้านเสี่ยปฏิเสธทุกข้อหา อ้างถูกกลั่นแกล้ง ต้นทุนตนสูงอยู่แล้วจะยุ่งเรื่องนี้ทำไม พร้อมสู้คดีในชั้นศาล

ความคืบหน้ากรณีที่นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 44 ปี ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ที่ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.3 ใน จ.บุรีรัมย์ ร้องขอความช่วยเหลือ และแจ้งความร้องทุกข์ โดยอ้างว่าน้อง ถูกเสี่ยเจ้าของรีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.ละหานทราย บังคับให้ขายบริการให้กับแขกที่เข้ามาพักในรีสอร์ตของตัวเอง เพื่อขัดดอกเงินกู้หลังจากที่น้องไปยืมเงินเสี่ย 6,300 บาท เพื่อนำไปเป็นค่ารักษาย่าวัย 70 ปี ที่ป่วยต้องผ่าตัดด่วน พอเด็กไม่ยอมไปรับแขกตามที่สั่ง เสี่ยก็จะขู่ว่าจะแจ้งความที่ยืมเงินแล้วไม่จ่าย ทั้งจะประจานให้อับอาย น้องผู้เสียหายจึงจำใจต้องทำ โดยไปรับแขกตามที่เสี่ยเจ้าของรีสอร์ตสั่งทั้งหมด 4 ครั้ง จนเด็กทนไม่ไหวแล้วอยากจะหยุดแต่ก็ถูกขู่ไม่มีใครช่วยได้ เพราะเขาอ้างรู้จัก ตร.ทั้งโรงพัก

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ (28 เม.ย.65) พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เติมสุข ผู้กำกับการ สภ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พีระพล หวนระลึก ผู้กำกับการสืบสวน สภ.ละหานทราย นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พร้อมหมายจับศาลจังหวัดนางรอง ออกติดตามจับกุมตัวนายวีรวงศ์ หรือเฮียวินัย อายุ 62 ปี เจ้าของรีสอร์ตซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกศาลออกหมายจับในคดีดังกล่าว ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายจับออกติดตามตัวผู้ต้องหา นายวีรวงศ์ หรือเฮียวินัย ผู้ต้องหาตามหมายจับก็ได้เดินทางมาที่ สภ.ละหานทราย พอดี หลังเจ้าตัวทราบว่ามีหมายจับ เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้หลบหนี รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.ละหานทราย จึงได้แสดงตัวพร้อมอ่านหมายจับให้กับผู้ต้องหารับทราบ

...

โดยนายวีรวงศ์ หรือเฮียวินัย ถูกออกหมายจับฐานความผิด 4 ข้อหา ประกอบด้วย “กระทำอนาจารบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, พยายามข่มขืนกระทำชำเราบุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ไม่เกินสิบแปดปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น, เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และกระทำความผิดฐาน “ค้ามนุษย์”

โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนก็ได้ควบคุมตัวนายวีรวงศ์ ผู้ต้องหาไปทำบันทึกจับกุม ก่อนส่งตัวให้กับ ร.ต.อ.อนุสรณ์ ศรีพรหม พนักงานสอบสวน สภ.ละหานทราย เจ้าของคดี เพื่อทำการสอบปากคำตามขั้นตอน โดยเบื้องต้นได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวน เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง ทั้งเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

ด้าน นายวีรวงศ์ กล่าว หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามหมายศาลว่า ตัวเองถูกกลั่นแกล้งเพราะผู้เสียหายเป็นเด็ก ตนไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว ก็พร้อมไปแก้ต่างและต่อสู้คดีในชั้นศาล เมื่อถามว่าเด็กได้ยืมเงินไปจริงหรือไม่ ก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ยืมกับตนเอง แต่ยืมกับน้องผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้เสียหาย ซึ่งวันนี้เฮียก็พามาเป็นพยานด้วย โดยไม่ได้เป็นเป็นก้อนแต่ทยอยยืมครั้งละ 500 บ้าง 1,000 บาทบ้าง และยืนยันว่าไม่เคยกระทำชำเราน้องผู้เสียหาย และไม่เคยบังคับขายบริการให้กับแขกตามที่ถูกกล่าวหา เพราะรีสอร์ตของตนเองเป็นสถานที่เปิดเผย ทุกอย่างที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง ทั้งยังพูดทิ้งท้ายด้วยว่า “ชีวิตผมต้นทุนสูงขนาดนั้นจะไปทำอะไรกับเรื่องแบบนี้”

ขณะที่ น.ส.เมย์ (นามสมมติ) หญิงสาวซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่กับผู้เสียหาย พยานฝ่ายเสี่ยเจ้าของรีสอร์ต กล่าวอ้างว่า รู้จักกับน้องผู้เสียหายเพราะน้องมาขออาศัยอยู่ด้วย เพราะเคยทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งด้วยกัน โดยตอนที่น้องมาขออาศัยอยู่กับน้องบอกว่าถูกพ่อแม่ไล่ออกจากบ้าน ด้วยความสงสารจึงให้อาศัยอยู่ด้วย ไม่คิดว่าน้องจะทำแบบนี้

...

เมื่อถามว่าได้แนะนำให้น้องไปยืมเงินกับเสี่ยจริงหรือไม่ พยานฝ่ายเสี่ยเจ้าของรีสอร์ต กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง โดยน้องไม่ได้ไปยืมเงินจากเสี่ยโดยตรง แต่จะยืมผ่านตนเองทั้งหมด โดยน้องอ้างว่าติดโควิดไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์การเรียน ก็เลยมายืมเงินกับตนเอง แล้วตนเองก็ไปยืมกับเสี่ยให้อีกที แล้วไม่ได้ยืมเป็นก้อน 6,300 บาท ตามที่น้องอ้าง แต่ยืมหลายครั้ง ครั้งละ 500 บ้าง 1,000 บาทบ้าง แล้วตนเองก็ไม่เชื่อว่าน้องจะยืมไปรักษาย่าตามที่กล่าวอ้าง ส่วนที่น้องอ้างว่าถูกบังคับให้ขายบริการตนเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน.