รอง ผบช.น.เผย ปริญญ์ โดนแจ้งความรวม 5 คดี แต่ละคดีต่างกรรมต่างวาระยังอยู่ในอายุความ ขู่ถ้าทำผิดสัญญาประกัน พร้อมเพิกถอนประกันตัวทันที ปัดการเมืองมาเกี่ยวข้อง ขอทำตามหน้าที่
ที่ สน.ลุมพินี เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 เม.ย.65 พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าคดีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ต้องหาคดีกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุเกินกว่า 15 ปี 2 คดี และคดีข่มขืนกระทำชำเรา 1 คดี รวม 3 คดี ในพื้นที่ สน.ลุมพินี นอกจากนี้ยังมีอีก 2 คดี ที่ จ.เพชรบุรี และเชียงใหม่ รวม 5 คดี ว่า สำหรับคดีทั้งหมด อยู่ในพื้นที่ สน.ลุมพินี 3 คดี และ สภ.เมืองเพชรบุรี 1 คดี ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายแจ้งความที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นได้รับรายงานแล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ไม่สามารถนำคดีต่างๆ มารวมกันได้ เพราะผู้เสียหาย รวมถึงวันเวลาที่เกิดเหตุ ต่างกรรม ต่างวาระ และไม่ใช่คดีที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน
พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า คดีแรกที่ผู้เสียหายอายุ 18 ปี เข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควร ขณะนี้ได้ส่งภาพจากคลิปวิดีโอให้กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อทำการตรวจสอบ ว่ามีความถูกต้อง รวมถึงผ่านการดัดแปลงหรือไม่ โดยขณะนี้ทำการสอบพยานไปหลายปาก และในเบื้องต้นให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนคดีอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ตำรวจก็พยายามเต็มที่ในการหาหลักฐาน และถือว่าคดียังอยู่ในอายุความ

...
รอง ผบช.น. กล่าวอีกว่า ส่วนการยื่นเพิกถอนประกันตัวผู้ต้องหา หากพบว่ามีการกระทำที่ผิดเงื่อนไข ไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน หรือหลบออกนอกประเทศ ตำรวจจะยื่นเรื่องต่อพนักงานอัยการให้เพิกถอนการประกันตัวได้ อย่างไรก็ตาม ต้องมีพยานบุคคลหรือวัตถุพยานที่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องหากระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวจริง ส่วนผู้เสียหายที่จะเดินทางมาในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ได้รับรายงานจาก ผกก.สน.ลุมพินี รวมถึงได้เตรียมคณะพนักงานสอบสวนไว้แล้ว
รอง ผบช.น.กล่าวถึงการรวมคดีให้ บช.น. เป็นผู้ดำเนินการเพียงหน่วยงานเดียวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถทำได้ แต่ในกรณีที่ผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความที่ สน.ลุมพินี แต่เหตุเกิดในพื้นที่อื่น จะประสานส่งเรื่องต่อไปให้ ยืนยันว่าตำรวจทำงานตามพยานหลักฐาน เมื่อมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี และพบความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเรื่องทางการเมืองหรือไม่

พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีข้าราชการยศ พ.ต.อ. และ ตัวผู้ต้องหาเอง พยายามเจรจากับผู้เสียหายเพื่อให้ถอนแจ้งความ และไม่ดำเนินคดี อาจผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวของศาลนั้น ขณะนี้ยังไม่พบพยานหลักฐานที่ชัดเจน มีเพียงคำกล่าวอ้างและกระแสข่าวเท่านั้น แต่หากมีพยานหลักฐานมายืนยันในภายหลัง ตำรวจพร้อมที่จะไปยื่นให้ศาลให้เพิกถอนการประกันตัวได้ ทั้งนี้ จากการสืบสวนของตำรวจยังไม่พบว่ามีการทำลายพยานหลักฐานโดยกลุ่มผู้ต้องหา มีเพียงพยานหลักฐานที่หมดอายุการเก็บรักษาตามปกติ คดีดังกล่าวสามารถดำเนินการทันกรอบเวลาการส่งสำนวนให้อัยการอย่างแน่นอน
รอง ผบช.น. กล่าวด้วยว่า ส่วนการรวมโทษทางคดีนั้น ศาลจะพิจารณาตามแต่ละคดี เพราะเป็นคดีต่างกรรมต่างวาระ โดยจะรวมโทษหรือไม่อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล โดยพนักงานสอบสวนมีหน้าที่รวบรวมหลักฐานส่งให้พนักงานอัยการ ยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลต่อไป.