เหยื่ออดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ลวนลามสาวโผล่เพิ่ม "ทนายตั้ม" เผย จ่อแจ้งความอีกเพียบ ช็อกเมียไฮโซคนดังลูกชายมหาเศรษฐีหมื่นล้านก็ตกเป็นเหยื่อ หนักข้อถึงขั้นข่มขืน แฉผู้ก่อเหตุมีเส้นสาย

เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 14 เมษายน 2565 ที่ สน.ลุมพินี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม พา น.ส.น้อย (นามสมมติ) อดีตทีมงานหาเสียงพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งเป็นเหยื่อที่เคยถูกอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง กระทำอนาจาร เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พงศักดิ์ การรัตน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลุมพินี และ ร.ต.อ. หญิง วิวรรธน์ นาคลดา รอง สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุเพิ่มเติม ในข้อหากระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล

นายษิทรา เปิดเผยว่า หลังจากวันนี้ได้มาที่ สน.ลุมพินี เมื่อช่วงบ่าย มีเหยื่ออีก 5 คนติดต่อเข้ามาว่า ถูกผู้ก่อเหตุลวนลาม กรณีนี้เหตุเกิด จ.เพชรบุรี แต่ตนมาแจ้งความที่นี่เพื่อให้ส่งประเด็นการสอบสวนไปยังท้องที่เกิดเหตุใน จ.เพชรบุรี โดยเหยื่อรายนี้ทำงานในพรรคเดียวกัน มีหน้าที่ช่วยหาเสียงภายในพรรค ซึ่งเจ้าตัวได้เล่าว่า ขณะเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุไม่มีอาการเมาแต่อย่างใด โดยวันนี้ได้ประสานให้มาแจ้งความที่ สน.ลุมพินี พร้อมนำหลักฐานเป็นรูปภาพขณะเกิดเหตุ และเพื่อนของเหยื่อมาให้ปากคำ

นอกจากนี้ ยังมีเหยื่ออีกรายที่เคยเป็นนางแบบ มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จัก เตรียมตัวเข้าแจ้งความเช่นกัน ตนมีภาพที่เตรียมจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ เหตุที่เหยื่อไม่กล้าแจ้งความ เพราะเหยื่อหลายคนอยู่กับผู้ก่อเหตุในลักษณะสองต่อสอง กลัวว่าจะไม่มีหลักฐาน แต่ตนจะให้รวบรวมสำนวนเพื่อให้เหยื่อเป็นพยานซึ่งกันและกัน อายุความของคดีนี้มีระยะเวลา 15 ปี ทั้งนี้ตนทราบมาว่าสาเหตุที่ผู้ก่อเหตุนัดพบเหยื่อหลายรายที่ร้านอาหารแห่งนี้ เพราะคอนโดฯ ของผู้ก่อเหตุอยู่ใกล้กัน

...

ด้าน น.ส.น้อย กล่าวว่า เมื่อปี 2563 ตนเข้าร่วมงานเลี้ยงของทางพรรค มีช่วงหนึ่งที่กำลังจะเลิกงานเลี้ยง ตนนำของไปเก็บท้ายรถ ผู้ก่อเหตุได้เข้ามาข้างหลัง บีบหน้าอกอย่างแรง จับก้นและล้วงของสงวน พยายามปัดป้องและบอกให้หยุด ผู้ก่อเหตุหยุดเพราะมีคนเดินเข้ามา ตนตกใจมาก และบอกว่าเจ็บ จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป ยืนยันว่ารู้จักกันในฐานะพี่น้อง เคยคุยกันปกติ ไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว โดยหลังเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุไลน์มาและโทรศัพท์มาชักชวนตนให้ไปที่คอนโดฯ ในกรุงเทพฯ แต่เมื่อตนปฏิเสธจึงไม่ได้ชวนอีก

น.ส.น้อย กล่าวอีกว่า การที่ผู้ก่อเหตุแถลงข่าวในวันนี้ ตนมองว่าเป็นการโกหก ตั้งแต่เกิดเหตุไม่เคยปรึกษาคนในพรรคการเมืองดังกล่าวเลย ได้แต่เล่าให้เพื่อนสนิทฟัง เพราะเป็นเพียงสมาชิกตัวเล็กๆ อาจทำอะไรไม่ได้ และเมื่อก่อนตนเป็นทีมงานพรรค แต่ได้ลาออกมาแล้ว อยากให้ผู้ใหญ่ของพรรคเชื่อพวกตนบ้าง ต้องคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อด้วย

ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. วันเดียวกัน ที่ สน.ลุมพินี ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความพา นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พงศักดิ์ การรัตน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลุมพินี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุดังกล่าวเพิ่มเติม ข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา

นางสาวเอ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อต้นปี 2564 โดยผู้ก่อเหตุได้นัดตนคุยเรื่องงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ผู้ก่อเหตุอ้างเป็นเจ้าของ ซึ่งผู้ก่อเหตุบอกตนว่ามีออฟฟิศอยู่บริเวณใกล้เคียง แต่เมื่อไปถึงกลับเป็นคอนโดมิเนียมซอยสุขุมวิท 3 เมื่อตนเข้าไปก็ถูกผู้ก่อเหตุข่มขืน ตนมีน้ำหนักตัวเพียง 39 กิโลกรัม แม้จะพยายามขัดขืน แต่ไม่สามารถสู้แรงได้ ขณะเกิดเหตุ ตนเพิ่งเสียน้องชายไป และเพิ่งเลิกรากับแฟนที่วางแผนจะแต่งงานร่วมกัน จึงอยากเริ่มอะไรใหม่ๆ ผู้ก่อเหตุเข้ามาหลอกล่อเรื่องธุรกิจ ให้ลองมาคุยกันโดยบอกว่าตนมีศักยภาพ สาเหตุที่หลงเชื่อเป็นเพราะได้พบกันในงานรวมตัวของนักธุรกิจ

นางสาวเอ (นามสมมติ) กล่าวอีกว่า การที่ตนเปิดเผยตัวในวันนี้เพื่อให้เหยื่อรายอื่นกล้าที่จะออกมา ช่วงแรกตนรู้สึกว่าตนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อทราบว่ายังมีผู้เสียหายอีกเยอะ จึงต้องการออกมาพูด และสามีตนก็สนับสนุน อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนที่สามารถทำทุกอย่างได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย หากผู้ก่อเหตุไม่มีเส้นสาย ตนคงไปแจ้งความตั้งแต่แรกแล้ว โดยหลังเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุไม่มีการข่มขู่ แต่ได้พูดโอ้อวดให้ตนรู้สึกยำเกรง.