หมอปลา ทนายโนบิ พาเหยื่อเจ๊ญา ตุ๋น วิ่งเต้นตำแหน่ง ผกก.ทิพย์ อีก 4 รายเข้าร้องกองปราบ หลังถูกลวงลงทุนโควตาลอตเตอรี่ ทำเสียหายกว่า 50 ล้าน ด้านตำรวจเผยคดีอยู่ระหว่างโอนสำนวนมากองปราบ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 23 มี.ค. 65 ที่ ศูนย์รับแจ้งความตำรวจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พหลโยธิน นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา พร้อมด้วย นายไพศาล เรืองฤทธิ์ หรือทนายไพศาล, นายกฤษฎา โลหิตดี หรือทนายโนบิตะ พา น.ส.ดา (นามสมมติ) อายุ 40 ปี อาชีพค้าขาย และกลุ่มผู้เสียหาย รวม 4 ราย เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ "เจ๊ญา" เจ้าของร้านส้มตำชื่อดังในเมืองทองธานี ที่หลอกขายโควตาลอตเตอรี่ โดยอ้างว่ารู้จักกับข้าราชการระดับสูงของกองสลาก รวมถึงบุคคลสำคัญทางการเมือง ทำให้เกิดความเสียหายรวมกว่า 50 ล้านบาท โดยมี พ.ต.ท.ภูริพัฒน์ นามพุทธา รอง ผกก.สอบสวน กก.2 บก.ป. เป็นผู้รับเรื่องดังกล่าว

น.ส.ดา เปิดเผยว่า ขบวนการดังกล่าวมีภาพถ่ายภาพกับข้าราชการระดับสูงในสังคมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หลอกพวกตนลงทุนในโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดละ 300 เล่ม งวดแรกลงทุนเป็นเงิน 5 ล้านบาท ได้สลากกินแบ่งรัฐบาลจริง พองวดที่ 2 ลงทุนไปอีก 10 ล้านบาท แต่กลับได้สลากกินแบ่งรัฐบาลมาเพียงครึ่งเดียว เมื่อติดต่อไปทางเจ๊ญากลับไม่คืนเงินให้ อ้างว่าหัวหน้าป่วย รวมทั้งให้เงินที่พวกตนลงทุนไปแล้วเป็นค่าโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลรอบถัดไป

...

ด้าน นายจีรพันธ์ หรือหมอปลา เปิดเผยว่า ขบวนการนี้มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับหม่อมหลวงรายหนึ่งที่วิ่งเต้นซื้อขายตั๋วเลื่อนตำแหน่งข้าราชการตำรวจที่เคยเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ เมื่อผู้เสียหายมาออกรายการโหนกระแส ทำให้มีคนมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าตกเป็นผู้เสียหาย ถูกขบวนการดังกล่าวหลอกขายโควตาลอตเตอรี่ เชื่อว่ามีผู้เสียหายอีกหลายราย แต่เกรงกลัวอิทธิพลของผู้ต้องหา นอกจากนี้ยังทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนอยู่ในขบวนการดังกล่าว ตนกลัวว่าเรื่องนี้จะเงียบไป อีกทั้งตนก็ไม่ทราบว่าที่ถูกข่มขู่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่

ขณะที่ นายไพศาล เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการกล่าวอ้างว่ารู้จักกับข้าราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ขณะนี้มีกลุ่มผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่าความเสียหายจะมีถึง 50 ล้านบาท ส่วนคดีตั๋วผู้กำกับ ขณะนี้กองปราบฯ กำลังเร่งรัดดำเนินการอยู่ จึงขอฝากให้ช่วยปราบปรามขบวนการนี้ด้วย

ส่วน พ.ต.ท.ภูริพัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นต้องแยกความผิดเป็นสองประเด็น เรื่องแรกคือ คดีซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้โอนสำนวนคดีมาที่กองบังคับการปราบปราม โดยอยู่ระหว่างการสอบปากคำและเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนเรื่องการหลอกลวงขายโควตาลอตเตอรี่ จะเรียกสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อพิจารณาออกหมายจับดำเนินคดีกับขบวนการดังกล่าวต่อไป.