หนุ่มใหญ่วัย 50 ที่อุดรธานี โดนญาติผู้น้องใช้ไม้เบสบอลกระหน่ำตี สาหัสจนสมองตาย ผู้ก่อเหตุอ้างล้างแค้นแทนพ่อปมมรดกเลือดที่ดิน 3 ไร่ ที่ขัดแย้งมานาน ตร.จับเตรียมดำเนินคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 18 มีนาคม 2565 ว่าบริเวณบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.18 บ้านโนนกอก ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี มีการเตรียมจัดสถานที่จัดงานศพของ นายดนัย พงษาเทศ อายุ 50 ปี หลังถูกนายชุมพล ด้านสิงห์ หรือต้น อายุ 37 ปี ญาติผู้น้อง ชาวบ้านหนองยาง ต.ซาง อ.เซกา จ.บึงกาฬ ใช้ไม้เบสบอลไล่ทำร้ายจนล้ม ก่อนกระหน่ำตีท้ายทอยและขาทั้งสองข้างหัก อาการบาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน นำตัวส่งช่วยเหลือชีวิตที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา ส่วนคนก่อเหตุยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมของกลางไม้เบสบอลสีดำ 1 อัน และมีดพร้า 1 เล่ม ควบคุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก
ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ (18 มีนาคม 2565) อาการของนายดนัย พงษาเทศ มีอาการสาหัส มีภาวะสมองตาย ไม่รู้สึกตัว โดยแพทย์บอกว่าหากถอดเครื่องช่วยหายใจจะเสียชีวิตทันที หรือภาษาแพทย์เรียกว่าผู้บาดเจ็บไม่มีการตอบสนองหรือเสียชีวิตแล้ว ทำให้ญาติพี่น้องของนายดนัย ได้แต่ทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังทำใจไม่ได้ และยังคุยตกลงกันไม่ได้ว่า จะให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจหรือไม่ แต่ก็มาช่วยกันเตรียมจัดงานศพที่บ้าน เพราะเปอร์เซ็นต์การรอดชีวิตแทบไม่มีเลย และหากญาติพี่น้องคุยตกลงกันได้ คาดว่าพรุ่งนี้ช่วงสายจะพากันไปรับศพ นายดนัยฯ กลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่บ้าน
...
นางประมวล ด้านสิงห์ อายุ 61 ปี น้าสาวผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องในครอบครัว นายดนัยฯ คนเจ็บเป็นหลานของตนเอง ส่วนนายชุมพลหรือต้น คนก่อเหตุ ก็เป็นหลานชาย และเป็นลูกของพี่ชายของตนเอง คือนายสุรชัย ด้านสิงห์ อายุ 65 ปี ก่อนเกิดเหตุนายสุรชัยฯ และนายดนัยฯ ทั้งคู่บาดหมางกันเรื่องที่ดิน นายสุรชัยฯ ตั้งใจจะฟ้องเอาที่ดิน 3 ไร่ คือบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ มีบ้านพัก ร้านขายของชำ และห้องเช่าด้านหลัง 14 ห้อง ซึ่งเป็นชื่อของนายดนัยฯ แต่เดิมที่ดินแถวนี้เป็นที่มรดกของปู่ย่าตายาย แบ่งให้เครือญาติเท่าๆ กัน แต่ที่ดิน 3 ไร่ที่เป็นปัญหา เดิมเป็นชื่อของนายสุรชัยฯ ตั้งแต่พ่อแม่แบ่งให้เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว และนายสุรชัยฯ ได้ขายต่อให้ นางสาวดรุณี ด้านสิงห์ น้องสาวอีกคน ก่อนที่นายสุรชัยฯ จะย้ายไปมีครอบครัวที่ อ.เซกา
“ต่อมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว น้องสาว คือนางสาวดรุณีฯ ได้ขายต่อให้นายดนัยฯ เพื่อจะนำเงินเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ ซึ่งญาติทุกคนรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี กระทั่งเมื่อปีที่แล้ว นางสาวดรุณีฯ ได้ป่วยเสียชีวิต ญาติทุกคนได้กลับมาร่วมงานศพ รวมทั้งนายสุรชัยฯ ด้วย ที่ผ่านมานายสุรชัยฯ ก็เพียงแวะมาเยี่ยมกันบ้างเท่านั้น เนื่องจากไปทำงานขับแท็กซี่อยู่กรุงเทพฯ มานานหลายปี พอนางสาวดรุณีฯ ที่ไม่มีครอบครัวและไม่มีลูก เสียชีวิต นายสุรชัยฯ จึงเข้าใจว่าที่ดินยังเป็นชื่อนางสาวดรุณีฯ อยู่ จึงอยากเป็นผู้จัดการมรดกของน้องสาว จึงเกิดการถกเถียงและจะฟ้องร้องกัน เพื่อขอที่ดินผืนนี้คืนจากนายดนัยฯ" น้าสาวผู้บาดเจ็บ กล่าว
นางประมวล เปิดเผยอีกว่า วันเกิดเหตุนายดนัย นั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน นายสุรชัยฯ เดินมาหาเพื่อพูดคุยเรื่องที่ดินอีกครั้ง จึงเกิดปากเสียงกัน นายสุรชัยฯ พูดด้วยความโมโหว่า จะนำรถแบ็กโฮมาทุบบ้านทุบห้องพักทิ้งทั้งหมด นายดนัยฯ ก็บอกว่าที่ดินเป็นของผมชื้อจากน้าอย่างถูกต้อง จะมาทำแบบนี้ได้อย่างไร จนเกิดการทำร้ายกัน นายสุรชัยฯ ที่อายุมากกว่าสู้ไม่ได้ และมีบาดแผลที่โหนกแก้มด้านขวาที่เกิดจากการถูกด้ามเสียม นายสุรชัยฯ เห็นว่าสู้หลานชายไม่ได้ จึงโทรศัพท์บอกนายชุมพลฯ ลูกชายที่พักอยู่บ้านน้องสาวคนเล็กที่อยู่ห่างไปประมาณ 300 เมตร ให้มาช่วยฆ่าคนให้หน่อย ไม่นานนายชุมพลฯ ก็มาพร้อมกับมีดพร้าและไม้เบสบอล นายดนัยฯ เห็นท่าไม่ดี วิ่งหนีไปทางห้องเช่าด้านหลังบ้าน นายชุมพลฯ วิ่งไล่ตามไปติดๆ และใช้ไม้เบสบอลฟาดที่ขา จนนายดนัยล้มลง และถูกฟาดด้วยไม้เบสบอลที่ศีรษะด้านหลังอีกหลายครั้ง จนกระทั่งญาติเข้ามาห้ามปราม และตำรวจก็เข้ามาระงับเหตุ และอาสากู้ภัยมูลนิธิฯ รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
นางสงวน พงษาเทศ อายุ 74 ปี แม่ผู้บาดเจ็บและเป็นป้าผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ลูกชายซื้อที่ดินมาจากน้าที่เป็นน้องสาวแท้ๆ ของตน จำนวน 3 ไร่ ในราคา 80,000 บาท จำนวน 3 ไร่ เมื่อประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา แล้วลูกชายก็เดินทางไปทำงานเมืองนอกหลายประเทศ รวมระยะเวลา 13 ปี นำเงินมาสร้างบ้านสร้างห้องพักในที่ดินที่ซื้อต่อจากน้า แต่นายสุรชัย ด้านสิงห์ อายุ 65 ปี น้องชายแท้ๆ ของตน ได้ทวงที่ดินที่ลูกชายของตนซื้อต่อจากน้าอย่างถูกต้อง และต้องการเป็นผู้จัดการมรดก หลังจากน้องสาวป่วยเสียชีวิตไปช่วงกลางปีที่ผ่านมา เพราะน้องสาวที่ตายไปได้ซื้อที่ดินมรดกที่พ่อแม่แบ่งให้กับน้องชาย คือที่ดินผืนนี้ แต่เมื่อน้องสาวตายไปแล้ว น้องชายที่เคยเป็นเจ้าของที่ดินในอดีตต้องการได้คืนกลับมาเป็นของตนเอง
...
“แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะน้องสาวที่ตายไป ได้ขายให้กับหลานชาย คือ ลูกตนไปแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนเสียใจอย่างมาก ที่ญาติพี่น้องกันมาทะเลาะกัน ตนก็ได้แต่ร้องไห้ และอยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ที่เขามาทำกับลูกของแม่เช่นนี้ ถึงขั้นอาจจะเสียชีวิต ส่วนคนที่เข้ามาทำร้ายลูกชายของตน เป็นหลานชายแท้ๆ ของตน ก่อนเกิดเหตุตนก็ได้บอกลูกชายไม่ต้องยุ่งเกี่ยวอะไร หรือไม่ต้องไปพูดคุยอะไรกับเขา เพราะเขาเป็นคนอันธพาล พอเขามาถึงก็ถืออาวุธวิ่งเข้ามาทำร้ายลูกชายของตนเลย ส่วนลูกชายก็วิ่งหนีตายออกไปทางหลังบ้าน แต่ก็ถูกเขาทำร้ายจนล้มลงที่หน้าห้องเช่า ห่างจากบ้านไปราว 30 เมตร ซึ่งก่อนเกิดเหตุน้องชายของตนได้โทรศัพท์ไปบอกลูกชาย คือนายต้น ให้ลงมาฆ่าคนให้พ่อหน่อย จากนั้นไม่นานนายต้น ก็ได้มาใช้อาวุธไม้ตีลูกชายของตนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส”
นางสาวอลิสา พงษาเทศ หรือน้องเม อายุ 18 ปี ลูกสาวนายดนัยฯ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พ่อพูดจาแปลกๆ โดยถามถึงวันสอบเรียนต่อของตนว่าจะไปสอบอีกวันไหน หลังจากพ่อไปส่งตนสอบในตัวเมืองอุดรธานี ตอนเช้าวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนพ่อบอกตนว่าเดี๋ยวมาหาวันที่ 19 มีนาคม 2565 ตนก็รู้สึกว่าพ่อพูดจาแปลกๆ ซึ่งตนก็พักอยู่บ้านอีกหลัง แต่ก็ไม่คิดว่าจะไปรับศพพ่อในวันที่ 19 แทน ในตอนนี้ทางครอบครัวก็ยังทำใจไม่ได้ ซึ่งทางบ้านก็ได้จัดเตรียมสถานที่จัดงานศพเอาไว้ เพราะว่าทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่คืนนี้ก็พรุ่งนี้คงได้มารับศพพ่อกลับบ้าน เพราะพ่อไม่ตอบสนองอะไรเลยหลังถูกอาตนทำร้าย ตัวเองก็มีความหวังว่าพ่อจะหาย แต่โอกาสน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย ตนกับย่าได้ไปไหว้พระที่โบสถ์ขอให้มีปาฏิหาริย์ ส่วนตนกับผู้ก่อเหตุไม่ได้คุ้นเคยกัน เพราะว่าเขาเพิ่งออกจากคุก แล้วมาหาพ่อของเขาอยู่ที่บ้านน้องสาวย่าที่อยู่ไม่ห่างกันมาก พออยู่สักพักก็เริ่มมีปากเสียงกัน ก่อนที่จะมีการทำร้ายร่างกายพ่อจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
...
ร.ต.อ.เปรม เตรียมตัว รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุในเบื้องต้น ให้การว่ายอมรับว่าเป็นคนทำร้ายนายดนัยฯ จริง สาเหตุมาจากทะเลาะกับพ่อของตน และโกรธแค้นแทนพ่อ จึงนำอาวุธไม้เบสบอลและมีดพร้า เดินมาจากบ้านน้าสาวคนเล็ก วิ่งเข้าทำร้ายนายดนัยฯ ซึ่งเป็นลูกชายของป้าพี่สาวของพ่อจนนอนแน่นิ่งในบริเวณบ้าน และยืนมอบตัวพร้อมอาวุธของกลางที่พกมาก่อเหตุ ไม่คิดว่าผู้บาดเจ็บจะอาการหนักขนาดนี้ เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “พยายามฆ่า” ไว้ก่อน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บล่าสุดสมองได้รับการกระทบอย่างรุนแรง และไม่มีการตอบสนองแล้ว และให้ออกซิเจนเพื่อรักษาอวัยวะภายใน เนื่องจากมีการขอรับบริจาคอวัยวะจากทางญาติผู้บาดเจ็บ ถ้าผู้บาดเจ็บเสียชีวิตลงทางตำรวจจะแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.