ศาลปกครองกลางชี้ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งไล่ ธาริตออกจากราชการชอบด้วยกฎหมาย กรณีถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทุจริตต่อหน้าที่อธิบดี ดีเอสไอ และ ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ 341 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2565 ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้องคดี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นฟ้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรณีมีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ ขณะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่า เมื่อครั้ง นายธาริตดำรงตำแหน่ง ดีเอสไอ ร่ำรวยผิดปกติอันเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่

โดยศาลให้เหตุว่า เมื่อพิจารณาจากการที่ ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงและพิจารณาวินิจฉัยมีมติว่า นายธาริต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดี ดีเอสไอ ร่ำรวยผิดปกติโดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ และมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติ ทั้งที่อยู่ในชื่อนายธาริต นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ นายสนชัย ศรีทองกุล บริษัท ปิยธนวรรษ จำกัด และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ รวมมูลค่า 346,652,588.52 บาท แต่เนื่องจากทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติบางส่วน ได้มีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือชุกซ่อนทรัพย์สิน คงเหลือทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติที่ ป.ป.ช. มีคำสั่งอายัดไว้เป็นการชั่วคราว จำนวน 90,260,687.40 บาท จึงเหลือทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ จำนวน 256,391901.12 บาท โดยให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของนายธาริต และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ แล้ว เห็นได้ว่าพฤติการณ์แห่งการกระทำของนายธาริตมีความร้ายแรงเป็นอย่างมาก

แม้นายธาริตจะอ้างว่า รับราชการมานาน ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสีย หรือเคยกระทำความผิดใดๆ มาก่อน มีประวัติและผลงานในการป้องกันปราบปรามการกระทำทุจริตและการกระทำผิดในคดีสำคัญของบ้านเมืองอย่างต่อเนื่องตลอดมาเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม ควรนำมาพิจารณาประกอบการกำหนดโทษนายธาริตด้วย ก็ไม่เป็นเหตุที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบเพื่อลดหย่อนการกำหนดโทษนายธาริตเป็นปลดออกจากราชการ อีกทั้งก่อนที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้กำหนโทษนายธาริต ก็ได้พิจารณาประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี แจ้งตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 234 ลงวันที่ 24 ธ.ค. 2536 กำหนดแนวทางการลงโทษผู้กระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งควรลงโทษเป็นไล่ออกจากราชการ

...

การนำเงินที่ทุจริตไปแล้วมาคืน หรือมีเหตุอันควรปรานีอื่นใดไม่เป็นเหตุให้ลดหย่อนโทษเป็นปลดออกจากราชการ ไม่ปรากฏว่า เลขาธิการนายกรัฐมนตรีใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับในระหว่างการพิจารณาของศาลปรากฏว่า ศาลแพ่งได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 341,797,811.58 บาท พร้อมดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติ ตามรายการ 49 รายการ ตกเป็นของแผ่นดิน ดังนั้น การที่ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รับแจ้งจากประธาน ป.ป.ช. แล้วได้มีคำสั่งลงโทษไล่นายธาริตออกจากราชการ ขณะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงชอบด้วยกฎหมาย.