องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาคดีบ้านเอื้ออาทรแก้โทษริบทรัพย์ นายวัฒนาและพวก 7 คนชดใช้รวม 89 ล้านบาท ส่วนอุทธรณ์อาญาฟังไม่ขึ้นยืนจำคุก 99 ปี
กรณีนายวัฒนา เมืองสุข ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ให้จำคุกถึง 99 ปี มาจนถึงฉากสุดท้ายแล้วโดย เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 มีนาคม 2565 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และพวกรวม 14 ราย เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตาม ป.อาญามาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6, 11 ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาไปแล้ว ให้จำคุกนายวัฒนาเมืองสุขกับพวก แต่ตามรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2560 ให้โอกาสจำเลยอุทธรณ์ได้อีก 1 ครั้ง โดยมีนายวัฒนาเพียงคนเดียวที่ยื่นอุทธรณ์นั้น
ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่าพวกจำเลยร่วมกันกระทำผิดจริง โดยนายวัฒนา จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามมาตรา 148 รวมความผิด 11 กระทง ให้จำคุกกระทงละ 9 ปี รวมจำคุกเป็นเวลา 99 ปี และจำคุกนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 66 ปี แต่ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี จำคุก น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 20 ปี น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 44 ปี จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 32 ปี ปรับจำเลยที่ 8 จำนวน 2 แสนกว่าบาท และจำคุกนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง จำเลยที่ 10 เป็นเวลา 4 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3, 9, 11-14
...
เมื่อเวลา 16.45 น. องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิพากษาว่า นายวัฒนา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพม.เป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการปฏิบัติราชการจึงครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 แล้ว
ประเด็นต้องพิจารณาว่าและจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้เรียกให้จำเลยอื่นแสดงออกเป็นที่ปรึกษาของตนของตน เรียกให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้าพบซึ่งจำเลยคนอืนๆทำเองโดยลำพังไม่ได้ จำเลยที่ 1 มีลักษณะการกระทำเป็นกระบวนการและรู้เห็นการกระทำของจำเลยอื่นๆ พิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 148 ตามฟ้อง โอนเงินจำนวน 89 ล้านบาทเป็นเงินที่มีความสัมพันธ์กับการกระทำความผิดตามมาตรา 148 จึงให้ริบทรัพย์เงิน 89 ล้านบาทจาก นายวัฒนา จำเลยที่ 1,4,5,6,7,8 เเละ10 ด้วย
นายนรินพงษ์ จินาภักดิ์ ทนายความจำเลย กล่าวว่า นายวัฒนายอมรับคำพิพากษา เพราะเป็นกติกาของกระบวนการยุติธรรม เเต่การยอมรับในคำพิพากษาไม่ได้หมายความว่านายวัฒนายอมรับว่าได้กระทำผิด นายวัฒนาฝากตนมาว่าการที่ได้ต่อสู้คดีมาตั้งเเต่ปี49 จนถึงวันนี้เป็นการเเสดงเจตนาให้เห็นว่าตนเองบริสุทธิ์ เมื่อสักครู่ได้คุยกันหลายเรื่อง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ช่วงก่อนเรามาฟังคำพิพากษาก็ไม่ได้เตรียมชุดมา เพราะเราคิดว่าได้กลับบ้าน คดีนี้นายวัฒนาว่าความด้วยตนเองมาตลอด ตนเป็นคนสนับสนุนเรื่องพยานหลักฐานเเละกระบวนการต่างๆ ในชั้นศาลด้วยความเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์
ทนายความจำเลย กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ต้องยอมรับว่านายวัฒนาเป็นมนุษย์ประหลาดมีจิตใจที่เข้มเเข็งไม่กระทบกระเทือนเเละไม่พูดจาก้าวล่วงต่อศาลเเต่ขอให้นายวัฒนาได้ตั้งหลักนิดนึง วันนี้เขาก็ป่วยอยู่ก็มียาลดความดัน ยาโรคหัวใจ เเละโรคเกี่ยวกับตับ หลังจากนี้ก็จะประสานความเป็นอยู่ของการรับการรักษาพยาบาลตามกระบวนการของราชทัณฑ์ ในกรณีผู้ต้องขังสูงอายุ ส่วนเรื่องจะมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษหรือไม่นั้นค่อยพิจารณากัน.