แก๊งมิจฉาชีพชายหญิง ทำงานเป็นทีม ทำทีขอซื้อทองจากร้าน อ้างเถ้าแก่จะเอาไปแจกลูกน้อง โดยขอซื้อทองหนัก 200 บาท ราคา 5.8 ล้าน โอนเงินผ่านธนาคาร ก่อเหตุที่บุรีรัมย์ สุรินทร์ แต่เจ้าของร้านไหวทัน เช็กกับธนาคาร พบว่าเป็นการเขียนเช็คเข้าบัญชี รอเคลียริ่งในอีกวันเลยไม่ยอมขายให้ ส่วนที่หนองคาย ร้านตกเป็นเหยื่อเสียทองไปค่าเกือบ 3 ล้าน

วันที่ 11 ก.พ. พ.ต.ท.ศราวุธ ทองน้อย สารวัตรกองกำกับการ 3 กองปราบปราม พร้อมกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ร้านทองเยาวราชหลานแม่กิมกี่ อยู่ในเขตเทศบาลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากมีกลุ่มมิจฉาชีพใช้เล่ห์กลมาหลอกซื้อทองคำแท่งและรูปพรรณ น้ำหนักกว่า 200 บาท คิดเป็นเงิน 5.8 ล้านบาท แต่เจ้าของร้านไหวตัวทัน เนื่องจากตรวจสอบที่ธนาคาร และมาพบว่า ข้อความเงินโอนเข้าทางโทรศัพท์ ไม่สามารถเบิกเงินสดได้ทันที

จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายคาดว่ามาไม่น้อยกว่า 2 คน และมีหลายชุด ซึ่งมีการเตรียมการวางแผนก่อเหตุในหลายจังหวัดของภาคอีสาน เบื้องต้นพบว่านอกจากมาก่อเหตุที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์แล้ว ยังไปก่อเหตุที่จังหวัดสุรินทร์ แต่ไม่สำเร็จ และไปก่อเหตุที่ จ.หนองคาย ได้ทองคำแท่งไปกว่า 100 บาท มูลค่าเกือบ 3 ล้านบาท

น.ส.เปรมยุดา กำเพ็ชรภักจิรวานิช อายุ 45 ปี เจ้าของร้านทอง ให้การกับตำรวจกองปราบ ว่าวันเกิดเหตุได้ตั้งข้อสังเกตว่า คนซื้อทองมากขนาดนี้ในคราวเดียวเป็นไปได้ยาก จึงพยายามหาหลักฐาน และตรวจสอบ พร้อมกับถ่วงเวลา แต่ไม่มีข้อผิดสังเกต เพราะธนาคารได้ส่งข้อความมา ทั้งยังให้ลูกน้องไปปรับบัญชี ก็ได้ตามจำนวนเงินที่สั่งซื้อ แต่ก็ยังไม่เชื่อมั่นว่าคนจะซื้อทองมากขนาดนี้ จะให้ลูกน้องมาซื้อ ทั้งนี้ ตำรวจกองปราบได้ตรวจสอบทางข้อมูลทางการเงิน และภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะนี้พอรู้ตัวแก๊งนี้แล้ว

...

ส่วนที่ร้านทองสุวรรณณาเยาวราช บริเวณตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ ที่เกือบตกเป็นเหยื่อเช่นกัน ผู้จัดการร้านทองเปิดเผยว่า มีกลุ่มมิจฉาชีพใช้เล่ห์กลมาหลอกซื้อทองจนเกือบเสียทอง 200 บาท เป็นเงินร่วม 5,840,000 บาท โดยเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ได้มีชายอายุประมาณ 20-25 ปี มาขอซื้อทองแท่งและทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 200 บาท คิดเป็นเงิน 5,840,000 บาท อ้างว่าเถ้าแก่จะซื้อไปแจกลูกน้องเป็นของขวัญ

ผู้จัดการร้านทองจึงเอาทองรูปพรรณมาให้เลือกอย่างระมัดระวังเพราะเป็นทองจำนวนมาก หลังจากตกลงราคากันเรียบร้อย ชายคนดังกล่าวได้ทำทีกดโทรศัพท์ลักษณะติดต่อทางไลน์กับชายอีกคนที่อ้างว่าเป็นเถ้าแก่แล้วขอชื่อเจ้าของร้านและหมายเลขบัญชีเพื่อจะโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารประมาณ 10 นาที ได้มีข้อความแจ้งเตือนมาในโทรศัพท์ว่ามีเงินเข้ามาในบัญชี 5,840,000 บาท ตนก็ยังไม่มั่นใจเพราะเห็นตัวหนังสือในบัญชีแปลกๆ จึงได้โทรศัพท์เช็กไปยังที่ธนาคารพบว่ามีเงินเข้าบัญชีเต็มจำนวนที่ตกลง แต่ก็ยังไม่มั่นใจได้สอบถามพนักงานธนาคารพบว่าเป็นการเขียนเช็คเข้าบัญชี ซึ่งต้องใช้เวลาในการเคลียริ่ง โดยเงินจะเข้าบัญชีวันพรุ่งนี้ จึงแจ้งไปว่าขอทองคืนกลับมาก่อน คาดว่าชายคนดังกล่าวน่าจะรู้และไหวตัวทันจึงรีบเดินออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสุรินทร์ พร้อมอยากแจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการร้านทองระวังคนร้ายแก๊งนี้เชื่อว่าทำเป็นขบวนการ

ขณะที่ร้านทองศรีรุ่งเรือง เลขที่ 365 ถนนมีชัย ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย ที่คนร้ายคาดว่าเป็นแก๊งเดียวกัน ใช้วิธีเดียวกัน ได้ทองรูปพรรณน้ำหนักรวม 100 บาท หลบหนีไป

ล่าสุดพล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จ.หนองคาย ได้เรียก พ.ต.อ.ยุทธนา งามชัด ผกก.สภ.เมืองหนองคาย, พ.ต.อ.สุรกิจ ค้วนเครือ ผกก.สส. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ประชุมหารือแนวทางการทำงาน ที่ห้องประชุม ศปก.สภ.เมืองหนองคาย เพื่อเร่งรัดการติดตามจับกุมคนร้ายที่คาดว่าจะทำเป็นขบวนการให้เร็วที่สุด โดยมอบหมายภารกิจให้แต่ละหน่วยงาน ทำงานประสานกัน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกแห่งอย่างละเอียด ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ทางด้านเจ้าของร้านทองศรีรุ่งเรือง บอกเพียงสั้นๆ ว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับทางร้านเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี คนร้ายเป็นชายเข้ามาในร้านทำทีขอซื้อทองเหมือนลูกค้าปกติทั่วไป โดยเลือกทองรูปพรรณ เป็นสร้อยคอทองคำ เส้นละ 5 บาท และ 10 บาท น้ำหนักรวม 100 บาท มูลค่า 2.9 ล้านบาท ซึ่งทางร้านไม่ได้ขอให้เปิดหน้ากากอนามัย เพราะกลัวโควิด.

...