- "โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง" รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง สะเทือนใจข่าว "เต่า หน้ายักษ์" ไรเดอร์หัวร้อนกับพฤติกรรมก้าวร้าว อันธพาล เปิดข้อกฎหมายโทษความผิดตามพฤติการณ์ ชี้ช่องพัก-เพิกถอนใบอนุญาตขับรถ หากส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง หรือภาพพจน์ประเทศ
จากกรณี "เต่า หน้ายักษ์" หรือนายบุญฤทธิ์ ทองเอี่ยม อายุ 20 ปี ไรเดอร์ที่ก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์บนทางเท้าและเฉี่ยวชนคนที่กำลังใช้ทางเท้า และก่อเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกันขึ้น โดยภายหลังเรื่องแดง มีการแจ้งความเอาผิดเป็นคดีอาญา อีกทั้งยังโดน “Robinhood” ฟ้องร้อง เนื่องจากไปใช้ไอดีของพนักงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ทางบริษัทฯ ได้รับความเสียหายทางด้านชื่อเสียง
ขณะที่เจ้าตัวเสียงอ่อน คอตก ยกมือไหว้ ขอโทษยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา สำนึกผิดทุกอย่างจากใจ พร้อมน้อมคำตัดสินจากสังคม พร้อมให้คำมั่นว่า ตั้งแต่นี้ไปจะปรับตัว จะไม่ก่อเหตุแบบนี้กับใครอีกแล้ว
ทางด้าน พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ที่ร่วมสอบปากคำด้วยตัวเอง เผยว่า ได้แจ้งข้อหา พ.ร.บ.จราจร ใช้รถจักรยานยนต์บนทางเท้าขับขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นฟุตปาท คดีอาญาทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ นำตัวให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำอย่างละเอียดพร้อมดำเนินคดีต่อไป
เห็นข่าวแล้วสะเทือนใจ พฤติกรรมก้าวร้าว อันธพาล
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง ให้ความเห็นว่า
ตนเห็นข่าวแล้วสะเทือนใจ พฤติกรรมอันธพาล เกเร ก้าวร้าว เป็นข่าว ประชาชนเห็นกันทั่วประเทศ ตำรวจเห็น กรมการขนส่งเห็น อัยการเห็น กล้องวงจรปิดบันทึกภาพ ใส่เสื้อเป็นพนักงานส่งอาหาร ขับรถย้อนเส้นทางบนทางเท้า เฉี่ยวคนเดินถนน แถมหยุดรถจักรยานยนต์มาทำร้ายผู้เสียหายล้มลงแล้วยังเตะซ้ำ ภาพจากกล้องที่เป็นพยานสำคัญ ดำเนินคดีกันตามกฎหมายต่อไป ใครดูคลิปจบคงสะเทือนใจกันไปทั่วประเทศ ตำรวจ อัยการ ข้าราชการ หมดเวลางาน เราก็เดินถนนเหมือนพี่น้องประชาชนของเรา
เพราะอารมณ์ชั่ววูบ พาให้ขึ้นโรงพัก และโดนคนด่าทั่วประเทศ เดี๋ยวคดีตามมา อยากถามว่า แล้วได้อะไร ตนห่วงใยสังคม อย่าปล่อยให้สังคมไทยป่วยหนัก
...
เปิดข้อกฎหมายโทษฐานความผิด
ในข้อกฎหมาย การกระทำดังกล่าวเข้าข่าย ฐานผู้ขับขี่บนทางเท้าและชนคนจนได้รับบาดเจ็บ จะมีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2544 มาตรา 43(4), 157, ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390 โทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากบาดเจ็บสาหัส เจอคุก 3 ปี ปรับ 6 หมื่น
ถ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ถือว่าเป็นความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 300 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังถือว่าผิดข้อหาขับรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันควร ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43(7), 157, พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2533 มาตรา 17, 56 โทษสูงสุดปรับไม่เกิน 5,000 บาท
แต่ถ้าหากไปชกต่อยกับคู่กรณี เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท
ชี้ช่องพักใช้-เพิกถอนใบขับขี่
ส่วนกรณีใบอนุญาตขับรถ ระเบียบกรมการขนส่งทางบกว่าด้วยการพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ.2561 ข้อ 6 บรรดาความผิดตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ที่นายทะเบียนจะสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตให้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มดังนี้
กลุ่มที่ 1 ความผิดทั่วไป เป็นความผิดที่มีโทษปรับสถานเดียว
กลุ่มที่ 2 ความผิดที่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยสาธารณะ เป็นความผิดที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้โดยสาร หรือกระทบต่อความปลอดภัย และประโยชน์สาธารณะ หรือส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพ
กลุ่มที่ 3 ความผิดร้ายแรง เป็นความผิดที่มีโทษจำคุก
ข้อหาความผิด การเปรียบเทียบปรับ การอบรม ระยะเวลาการสั่งพักใช้ และการสั่งเพิกถอนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในบัญชี 1-3 ท้ายระเบียบนี้
ข้อ 7 การพิจารณาใช้มาตรการพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตตามที่กำหนดไว้ในบัญชี 1 และ 2 ต้องเป็นกรณีผู้ได้รับใบอนุญาตกระทำความผิดซ้ำในข้อหาเดียวกันภายในกำหนด 2 ปี นับแต่วันที่ได้กระทำความผิดครั้งแรก
ข้อ 8 ในกรณีปรากฏข้อเท็จจริงว่า การกระทำของผู้ได้รับใบอนุญาตส่งผลกระทบต่อชื่อเสียง หรือภาพพจน์ของประเทศ หรือเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น หรือก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนทำให้มีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจำนวนมาก ให้นายทะเบียนพิจารณาสั่งพักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตทันทีตามพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิด โดยไม่ต้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้ในข้อ 6 และข้อ 7
*** "เป็นสุภาพชนไม่ทำผิดกฎหมาย เป็นวิถีชีวิตที่ดีที่สุด" นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง ทิ้งท้าย.